เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติเป็นครั้งสุดท้ายวันอังคาร (24 ก.ย.) แสดงการอำลาเวทีโลก “การได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถือเป็นเกียรติอย่างสูงที่สุดในชีวิต” แต่ล่าสุดสงครามอิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์กำลังเป็นเผือกร้อนใหม่ให้อเมริกา ตายไปไม่ต่ำกว่า 560 คน ผู้นำอเมริกายืนยันยังมีความหวัง ยังมีหนทางไปข้างหน้า แต่ CNN ชี้ในสปีชกลับเอ่ยถึง “เลบานอน” น้อยมาก
ฟ็อกซ์นิวส์ของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (24 ก.ย.) ว่า การประชุมใหญ่สหประชาชาติในเมืองนิวยอร์ก มีผู้นำและตัวแทนทั่วโลกจาก 134 ประเทศเข้าร่วม แต่ทว่าเห็นได้ชัดในการประชุมคราวนี้ ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง รวมถึงประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึนไม่ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุม
ส่วนประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน (Masoud Pezeshkian) ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งมีกำหนดจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมวันอังคาร (24) หลังไบเดน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อที่นิวยอร์กก่อนหน้าว่า
“พวกเราไม่ต้องการสงคราม..พวกเราต้องการอยู่อย่างสันติ”
แต่ฟ็อกซ์นิวส์ชี้ว่า เป็นคำกล่าวที่ไม่สมควรที่ใครจะให้ความสำคัญอย่างจริงจัง เตหะรานถูกโยงเกี่ยวพันข้อหาเป็นภัยคุกคามพยายามลอบสังหารนักการเมืองสหรัฐฯ รวมอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในตะวันออกกลางเพื่อก่อการร้าย และเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน
ฟ็อกซ์นิวส์รายงานว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะใช้โอกาสครั้งสุดท้ายเพื่อระดมมาตรการระดับโลกเพื่อแก้ปัญหาความท้าท้ายต่างๆ ของโลก อ้างอิงจากโฆษกทำเนียบขาว คารีน ณอง-เพียร์ (Karine Jean-Pierre)ในวันจันทร์ (23)
หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์รายงานว่า ส่วนหนึ่งของสุนทรพจน์ของผู้นำสหรัฐฯ ไบเดนออกมาเรียกร้องการใช้ “ช่องทางการทูต” เพื่อแก้ปัญหามากกว่าการใช้กำลังทหารในความขัดแย้งที่เริ่มต้นตั้งแต่โลกต้องตื่นตระหนกกับระเบิดเพจเจอร์ และตามมาด้วยระเบิดวอล์กกี้ทอล์กกี้ทั่วเลบานอน
CNN ของสหรัฐฯ ชี้ว่า สงครามอิสลาเอล-ฮิซบอลเลาะห์กำลังกลายเป็นเผือกร้อนของสหรัฐฯ ครั้งใหม่ ทั้งอังกฤษและอเมริกาต่างรีบส่งกำลังทหารของตัวเพื่ออพยพพลเมืองของตนเองหนีออกไปจากเลบานอน ไบเดนกล่าวยอมรับถึงการยกระดับความขัดแย้งนี้ว่า
“สงครามเต็มรูปแบบนั้นไม่ใช่เป็นสิ่งที่ใครปรารถนา ถึงแม้สถานการณ์จะได้ยกระดับแต่ทว่าหนทางออกทางการทูตยังคงเป็นไปได้”
ยูเอสเอทูเดย์กล่าวต่อว่า ผู้นำสหรัฐฯ ยังตอกย้ำไปถึงความจำเป็นสำหรับมาตรการทางออก 2 รัฐ สำหรับความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาส ที่ซึ่งฝ่ายอิสราเอลกำลังเปิดศึก 2 ด้านทั้งทิศเหนือกับเลบานอนและกาซาทางตะวันตก
ไบเดนกล่าวต่อหน้าที่ประชุม UN วันอังคาร (24) ว่า ทางออก 2 รัฐ(two-state solution) นี้จะเป็นประโยชน์กับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เทลอาวีฟเพราะจะทำให้
“อิสราเอลมีความสุขกับความมั่นคงและสันติภาพ ได้รับการยอมรับอย่างสมบูรณ์และสถาปนาความสัมพันธ์ในระดับปกติได้กับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ”
ไบเดนกล่าวต่อว่าสำหรับปาเลสไตน์ ทางออก 2 รัฐนี้จะทำให้
“ชาวปาเลสไตน์นั้นอยู่ได้อย่างมั่นคง มีศักดิ์ศรีและตัดสินอนาคตตัวเองในรัฐของตัวเอง”
การเปลี่ยนแปลงทั่วโลกที่ดำเนินอยู่ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน วัย 81 ปีที่กำลังจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งลงในไม่ช้าและจะก้าวลงจากเวทีโลกไปยังคงเปี่ยมไปด้วยความหวังและไม่ยอมแพ้ เขากล่าวว่า
“บางทีอาจเป็นเพราะในสิ่งทั้งหมดที่ผมได้เห็นมา และพวกเราทั้งหมดได้ทำร่วมกันในหลายสิบปีที่ผ่านมา ผมมีความหวัง” และเสริมต่อว่า “ผมรู้ว่ายังมีหนทางไปข้างหน้า”
ประเด็นท้าทายนับตั้งแต่ความขัดแย้งในกาซา เลบานอน สงครามยูเครน ความขัดแย้งในซูดาน รวมไปถึงปัญหา AI และการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศโลก
CNN ของสหรัฐฯ ชี้ว่า ในขณะที่ประธานาธิบดีไบเดนยังคงกล่าวปกป้องคุณค่าของประชาธิปไตยในขณะที่เขาต้องการฝากชื่อเสียงของตัวเองและความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ บนเวทีโลก แต่ทว่าไม่พบว่า เขาได้เสนอทางออกอย่างเป็นรูปธรรมต่อวิกฤตที่ลุกลามในตะวันออกกลาง
และนอกจากนี้ ในสุนทรพจน์ยังพบว่า ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวถึง “เลบานอน” น้อยมากเมื่อเอ่ยถึงการโจมตีข้ามพรมแดนระหว่างอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ที่เห็นยอดดับไม่ต่ำกว่า 560 คนรวมเด็ก และจรวดฮิซบอลเลาะห์สามารถโจมตีไปจนถึงกรุงเทลอาวีฟของอิสราเอล
ก่อนหน้าการขึ้นกล่าว เจ้าหน้าที่ระดับสูงทำเนียบขาวยอมรับว่า สหรัฐฯ ต้องเผชิญหน้าต่อความเป็นจริงของวิกฤตในตะวันออกกลางระหว่างที่สงครามขยายวงไปที่เลบานอนแต่ข้อตกลงหยุดยิงกาซาที่สหรัฐฯ และประธานาธิบดีไบเดนพยายามผลักดันยังไม่สามารถบรรลุได้
หนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงสหรัฐฯ กล่าวว่า “โลกได้เปลี่ยนไป และโลกกำลังมีความยากลำบากมากขึ้นในหลายหนทาง”