ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าว ณ เวทีสหประชาชาติ เมื่อวันอังคาร (24 ก.ย.) ระบุมีเพียงหนทางเดียวที่จะลากรัสเซียเข้าสู่การหาทางออกอย่างสันติ นั่นคือการบีบบังคับเท่านั้น พร้อมประกาศกร้าวว่าเขาจะไม่เจรจาบนเงื่อนไขของมอสโกในการยุติสงคราม
ระหว่างปราศรัยกับที่ประชุมวาระพิเศษของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่มีตัวแทนรายหนึ่งของรัสเซียเข้าร่วมด้วย ทางประธานาธิบดีเซเลนสกี ยังร่วมกับสหรัฐฯ ในการกดดันอิหร่านและเกาหลีเหนือ เกี่ยวกับคำกล่าวหาให้การสนับสนุนทางทหารแก่รัสเซีย
เซเลนสกี อยู่ระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ที่เขาบอกว่ามีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอแผนแห่งชัยชนะให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน พิจารณา และระหว่างปราศรัยกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวันอังคาร (24 ก.ย.) เขายังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความจริงใจของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่บ่งชี้ว่าจะตรึงแนวควบคุมไว้
"ผมรู้ว่ามีบางคนบนโลกใบนี้อยากพูดคุยกับปูติน" เซเลนสกีกล่าว "เป็นไปได้ที่จะได้ยินจากปากของเขาว่า เขารู้สึกหัวเสียแค่ไหน เพราะว่าเรากำลังใช้สิทธิของเราในการปกป้องประชาชนของเรา" เขาระบุ "แต่แนวคิดดังกล่าวมันบ้ามาก หนทางเดียวคือบังคับรัสเซียเข้าสู่สันติภาพ และนั่นคือสิ่งจำเป็นอย่างแท้จริง บังคับรัสเซียเข้าสู่สันติภาพ"
เซเลนสกี บอกว่าการยุติการรุกรานของรัสเซียที่ยืดเยื้อมากว่า 2 ปี จำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งให้การปกป้องเป็นพิเศษต่ออธิปไตยของรัฐสมาชิก
"วันหนึ่งในห้องแห่งนี้ เป็นที่แน่ใจได้เลยว่า พวกเขาจะสามารถพูดได้ว่าสงครามของรัสเซียกับยูเครนสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ได้แค่หยุด แต่เป็นการจบลงอย่างแท้จริง มันจะเกิดขึ้นไม่ใช่เพราะว่าใครบางคนเหนื่อยล้ากับสงคราม ไม่ใช่เพราะใครบางคนแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างกับปูติน แต่เป็นเพราะกฎบัตรสหประชาชาตินั้นได้ผล"
เซเลนสกี จะพบปะกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดี (26 ก.ย.) ในขณะที่คาดหมายว่า ไบเดน จะใช้เวทีสหประชาชาติ กล่าวสุนทรพจน์เรียกร้องนานาชาติให้การสนับสนุนยูเครนจนกว่าได้รับชัยชนะ
เป็นอีกครั้งที่ เซเลนสกี รับปากเกี่ยวกับการ "ประชุมซัมมิตสันติภาพรอบ 2" และบอกว่าเขาจะเชิญทั้งจีนและอินเดียเข้าร่วมด้วย ในขณะที่ 2 ชาติมหาอำนาจนี้ปฏิเสธเดินตามตะวันตกในการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซีย
หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ปราศรัยกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แสดงความยินดีต่อสิ่งที่เขาให้คำจำกัดความว่าเป็นความพยายามเพิ่มแรงกดดันทางการทูต "การทูตและการเจรจาเป็นหนทางเดียวที่ใช้การได้ในการหาทางออกของวิกฤตยูเครน หากวันแล้ววันเล่า การเจรจาสันติภาพไม่สามารถดำเนินการได้ โอกาสของการตัดสินใจผิดๆ และการคำนวณผิดพลาดจะมีมากขึ้น ซึ่งมันจะนำไปสู่วิกฤตที่เลวร้ายกว่าเดิม"
เขายืนยันว่าจีนอุทิศตัวเพื่อสันติภาพ โดยบอกว่า "จีนไม่ได้เป็นผู้ก่อวิกฤตยูเครน และเราก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวิกฤตด้วย"
อย่างไรก็ตาม คำกล่าวของเขามีขึ้นก่อนหน้า แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งกล่าวหาจีนอีกครั้ง ว่ากำลังเติมเชื้อเพลิงการเสริมแสนยานุภาพทางทหารของรัสเซีย ผ่านการส่งออกสิ่งของต่างๆ ที่ใช้ในด้านพลเรือนแต่ในนาม ในนั้นรวมถึงเครื่องไม้ครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักรกลล้ำสมัย
ขณะเดียวกัน บลิงเคน ยังบอกปัดคำกล่าวหาที่ว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเขานั้นเป็นพฤติกรรมตีสองหน้า เนื่องจากสหรัฐฯ เองก็ป้อนอาวุธสนับสนุนยูเครนเช่นกัน "มันต่างกันโดยสิ้นเชิง รัสเซียคือผู้รุกราน ส่วนยูเครนนั้นเป็นเหยื่อ"
เขาเรียกร้องให้สหประชาชาติดำเนินการกับทั้งเกาหลีเหนือ ที่ยกระดับสนับสนุนทางทหารแก่รัสเซีย และอิหร่าน ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ถูกข่าวกรองสหรัฐฯ กล่าวหาจัดหาขีปนาวุธพิสัยใกล้แก่รัสเซีย "แรงสนับสนุนจากเตหะรานและเปียงยาง กำลังช่วย ปูติน เข่นฆ่าอย่างโหดร้าย ก่อความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานแก่หนุ่มสาวและเด็กๆ ชาวยูเครน"
มาซูด ปาเซชเคียน ประธานาธิบดีอิหร่าน เมื่อวันจันทร์ (23 ก.ย.) ปฏิเสธคำกล่าวหาดังกล่าว ยืนยันว่าเตหะรานไม่ได้ส่งมอบอาวุธแก่รัสเซีย และปฏิเสธวิพากษ์วิจารณ์มอสโกต่อกรณีรุกรานยูเครน
(ที่มา : เอเอฟพี)