ราคาน้ำมันฟื้นตัวในวันอังคาร (24 ก.ย.) จากความกังวลที่มีมากขึ้นต่อความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และจากข่าวจีนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ปัจจัยหลังนี้ดันวอลล์สตรีทปิดบวก ขณะที่ทองคำปรับขึ้นเช่นกัน หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.19 ดอลลาร์ ปิดที่ 71.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.27 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ธนาคารกลางจีนเปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่ ในความพยายามดึงเศรษฐกิจของชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลกแห่งนี้หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดและกลับสู่เป้าหมายการเติบโตของรัฐบาล แต่พวกนักวิเคราะห์เตือนว่ามาตรการทางการเงินเพิ่มเติมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
ในตะวันออกกลาง ภูมิภาคผู้ผลิตน้ำมันสำคัญ ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลถล่มกรุงเบรุต สังหารผู้บัญชาการระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ และเหตุยิงจรวดข้ามชายแดนตอบโต้กันไปมาระหว่าง 2 ฝ่าย ก่อความกังวลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสงครามเต็มรูปแบบในภูมิภาค
เหตุโจมตีเสี่ยงลากอิหร่าน ชาติสมาชิกโอเปก เข้าใกล้เปิดศึกความขัดแย้งกับอิสราเอล เนื่องจากอิหร่านให้การสนับสนุนกลุ่มนักรบเลบานอน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันอังคาร (24 ก.ย.) หลังธนาคารกลางจีนเปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ เพื่อเดินเครื่องการเติบโต ในชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลกแห่งนี้
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 83.57 จุด (0.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 42,208.22 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 14.36 จุด (0.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,732.93 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 100.25 จุด (0.56 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,074.52 จุด
หลังจากข้อมูลที่อ่อนแอต่างๆ โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการเติบโต
ความกระตือรือร้นต่อข่าวคราวความเคลื่อนไหวของจีน ช่วยให้วอลล์สตรีทเมินเฉยต่อข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่น่าผิดหวังของอเมริกา
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคดังกล่าว ประกอบกับดอลลาร์อ่อนค่าลง กระตุ้นให้นักลงทุนถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ดันราคาทองคำปรับขึ้นในวันอังคาร (24 ก.ย.) โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 24.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,677.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)