ราคาน้ำมันขยับลงในวันจันทร์ (23 ก.ย.) ท่ามกลางความกังวลทางอุปสงค์ สืบเนื่องจากกิจกรรมภาคธุรกิจของยูโรโซนและเศรษฐกิจจีนอ่อนแอ ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกเล็กน้อยและทองคำทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนทบทวนผลกระทบ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 63 เซนต์ ปิดที่ 70.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 58 เซนต์ ปิดที่ 73.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กิจกรรมภาคธุรกิจยูโรโซนหดตัวอย่างรุนแรงและแบบไม่คาดคิด ในขณะที่อุตสาหกรรมบริการอันสำคัญของกลุ่มทรงตัวและกิจกรรมการผลิตถดถอยมากยิ่งขึ้น ข้อมูลเหล่านี้ก่อความกังวลต่ออุปสงค์พลังงาน
ขณะเดียวกัน จีนชาติผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลกกำลังต่อสู้กับแรงกดดันของเงินฝืดและประสบปัญหาในความพยายามกระตุ้นการเติบโต แม้ใช้มาตรการด้านนโยบายต่างๆนานา ที่มีเป้าหมายกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเล็กน้อยในวันจันทร์ (23 ก.ย.) นักลงทุนประเมินแนวโน้มของสถานการณ์ในสัปดาห์นี้ ตามหลังเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 61.29 จุด (0.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 42,124.65 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 16.02 จุด (0.28 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,718.57 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 25.95 จุด (0.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,974.27 จุด
ความเคลื่อนไหวในแดนบวกมีขึ้นท่ามกลางความคิดเห็นจากบรรดาคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด และข้อมูลกิจกรรมการผลิตที่ทรงตัว หลังจากวอลล์สตรีทดีดตัวขึ้นอย่างแรงในสัปดาห์ที่แล้ว หลังเฟดตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ความเห็นของประธานสาขาของธนาคารกลางสหรัฐฯ 3 ราย ในวันจันทร์ (23 ก.ย.) ถูกพินิจพิเคราะห์ ในขณะที่นักลงทุนมองหาเงื่อนงำต่างๆ ว่าทำไมเฟดถึงได้เริ่มต้นวงจรผ่อนคลายทางการเงินด้วยการปรับลดดอกเบี้ย 0.50%
ประธานเฟด 3 สาขา ราฟาเอล บอสติก, นีล คาสคารี และอุสตาน กูลส์บี สนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ยในสัปดาห์ที่แล้วของเฟด และส่งเสียงสนับสนุนให้ปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปี
ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์ (23 ก.ย.) แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการรอบใหม่ นักลงทุนทบทวนข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจล่าสุดของสหรัฐฯ ขณะที่เฝ้ารอตัวเลขทางเศรษฐกิจสำคัญที่มีกำหนดเผยแพร่ในช่วงปลายสัปดาห์ เพื่อหาเงื่อนงำก้าวย่างถัดไปของเฟด
โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 6.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,652.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)