รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ทำคะแนนนิยมแซงหน้า โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสายรีพับลิกันถึง 5 จุด ตามผลสำรวจความคิดเห็นของ NBC News ที่เผยแพร่ในวันอาทิตย์ (22 ก.ย.) โดยโพลยังระบุด้วยว่าผู้ตอบแบบสอบถามชาวอเมริกันมีมุมมองเชิงบวกต่อ แฮร์ริส มากขึ้น
เมื่อถามว่าพวกเขามีมุมมองต่อ แฮร์ริส อย่างไรหลังจากที่เธอก้าวขึ้นมาเป็นผู้แทนพรรคเดโมแครต? 48% ของผู้ตอบคำถามที่ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้ง 1,000 คนตอบว่า "มองในเชิงบวก" ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลข 32% ในเดือน ก.ค. และถือเป็นสัดส่วนคะแนนนิยมของนักการเมืองที่เพิ่มขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่ NBC เคยทำการสำรวจมา ถัดจากคะแนนนิยมของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่เพิ่มขึ้นภายหลังเหตุวินาศกรรม 11 ก.ย. ปี 2001
ขณะเดียวกัน ผู้ตอบแบบสอบถาม 40% ระบุว่ามีมุมมองเชิงบวกต่อ ทรัมป์ เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากตัวเลข 38% ในเดือน ก.ค.
โพลฉบับนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 13-17 ก.ย. และมีค่าความผิดพลาดบวกลบไม่เกิน 3%
ทางด้านของ CBS News Poll ก็พบว่า แฮร์ริส มีเรตติ้งแซงหน้า ทรัมป์ 4 จุด อยู่ที่ 52% ต่อ 48% ในกลุ่มผู้ที่คาดว่าจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยโพลฉบับนี้มีค่าความผิดพลาดบวกลบไม่เกิน 2%
โพลทั้ง 2 ฉบับนี้นับว่าสอดคล้องกับผลสำรวจระดับชาติอื่นๆ ซึ่งจัดทำในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา รวมถึงโพลรอยเตอร์/อิปซอสที่บ่งชี้ว่าผู้สมัครทั้งสองคนยังคงมีคะแนนที่ขับเคี่ยวสูสีกันพอสมควรในช่วงไม่กี่สัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย.
แม้ผลสำรวจระดับชาติจะเป็นดัชนีชี้วัดที่สำคัญว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งคิดอย่างไร ทว่าจำนวนผู้แทนออกเสียงในแต่ละรัฐจะเป็นตัวกำหนดว่าใครที่จะชนะเลือกตั้ง และคาดว่าผลชี้ขาดจะถูกตัดสินในรัฐสมรภูมิสำคัญๆ (battleground states) เพียงไม่กี่รัฐเท่านั้น
ทรัมป์ วัย 78 ปี เดินเข้าสู่สนามเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นรอบที่ 3 หลังจากที่เคยพ่ายให้โจ ไบเดน เมื่อปี 2020 ซึ่งจนถึงขณะนี้เจ้าตัวก็ยังไม่เลิกกล่าวอ้างว่าตนเองถูกโกงเลือกตั้ง
ในส่วนของ แฮร์ริส วัย 59 ปี เป็นอดีตวุฒิสมาชิกและอดีตอัยการที่ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นรองประธานาธิบดีของ ไบเดน และหากเธอชนะศึกเลือกตั้งก็จะกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่สามารถก้าวไปถึงตำแหน่งประธานาธิบดีตลอดช่วงประวัติศาสตร์ 248 ปีของสหรัฐอเมริกา
"เธอสามารถเปลี่ยนแปลงศึกเลือกตั้งครั้งนี้ จากการเป็นประชามติสำหรับ โจ ไบเดน ให้กลายเป็นประชามติสำหรับ โดนัลด์ ทรัมป์ แทน" เอมี วอลเตอร์ ผู้จัดพิมพ์และบรรณาธิการบริหารวารสาร Cook Political Report ให้สัมภาษณ์ในรายการ Meet the Press ของ NBC
ในโพลของ CBS ซึ่งสอบถามผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้ง 3,129 คนระหว่างวันที่ 18-20 ก.ย. พบว่า แฮร์ริส ทำคะแนนนิยมแซง ทรัมป์ ขึ้นมา 2 จุด จากที่เคยสูสี 50-50 ในช่วงเดือน ส.ค. โดยปัจจัยสำคัญมาจากการที่เธอทำผลงานดีเบตได้ดีกว่า ทรัมป์ ในวันที่ 10 ก.ย. รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ฉายแววสดใสขึ้นด้วย
ที่มา : รอยเตอร์