วังเครมลินในวันพุธ (18 ก.ย.) ให้คำนิยามความเห็นของ เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาฺธิการนาโตที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง ว่า "อันตราย" หลังเขายุยงให้ตะวันตกไฟเขียวยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลที่มอบให้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย โดยชี้ว่ามันไม่ได้เป็นข้ามเส้นตายที่จะโหมกระพือสถานการณ์ลุกลามบานปลายกับมอสโกแต่อย่างใด
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ร้องขอบรรดาพันธมิตรมานานหลายเดือนให้อนุญาตเคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลของตะวันตก ในนั้นรวมถึงขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐฯ และสตอร์ม ชาโดว์ ของสหราชอาณาจักร โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย เพื่อทำลายศักยภาพการโจมตีของฝ่ายมอสโก
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะไทม์สที่เผยแพร่ในวันอังคาร (17 ก.ย.) สโตลเทนเบิร์ก เมินเสียงเตือนของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่ขู่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าการปล่อยให้ยูเครนใช้อาวุธดังกล่าวโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย จะหมายถึงการสู้รบโดยตรงระหว่างตะวันตกกับรัสเซีย
"เขาเคยประกาศเส้นตายมากมายก่อนหน้านี้ ที่หมายถึงการเกี่ยวข้องโดยตรงของพันธมิตรนาโตในความขัดแย้ง แต่เขาไม่ได้ยกระดับเส้นตายเหล่านั้น" สโตลเทนเบิร์ก ที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนตุลาคมกล่าว "เขาไม่ทำเช่นนั้น เพราะเขาตระหนักว่านาโตเป็นพันธมิตรทหารที่เข้มแข็งที่สุดในโลก พวกเขาตระหนักเช่นกันว่าอาวุธนิวเคลียร์ สงครามนิวเคลียร์ไม่อาจชนะและไม่ควรถูกนำมาสู้รบ และเราแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนกับเขาไปแล้วหลายครั้ง"
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลิน บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ชี้ว่าความคิดเห็นของสโตลเทนเบิร์กนั้นเป็นอันตราย "บุคคลขี้โม้นี้ ไม่จริงจังกับถ้อยแถลงต่างๆ ของประธานาธิบดีรัสเซีย และมันถือเป็นการคิดอะไรตื้นๆ และขาดความเป็นมืออาชีพโดยสิ้นเชิง"
"จุดยืนของสโตลเทนเบิร์ก ถือเป็นการยั่วยุและอันตรายสุดขั้ว" เปสคอฟกล่าว
เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของนาโตกล่าวเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ว่า ยูเครนมีเหตุผลทางทหารที่ดีในการโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ด้วยการใช้อาวุธของตะวันตก ในขณะที่มีรายงานว่าปัจจุบัน บรรดาพันธมิตรของเคียฟ ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร กำลังหารือว่าจะไฟเขียวให้ยูเครนทำเช่นนั้นหรือไม่
นักการเมืองอาวุโสของรัสเซียหลายคนและพวกสาวเหยี่ยวด้านนโยบายต่างประเทศ ชี้แนะให้มอสโกตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่หัวหน้าสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ของรัสเซีย เปิดเผยในวันอังคาร (17 ก.ย.) ว่าสถานที่แห่งนี้พร้อมสำหรับการกลับมาทดสอบนิวเคลียร์ "ทุกเมื่อ"
ทั้งนี้ รัสเซียเป็นชาติที่มีคลังแสงนิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของโลก
นับตั้งแต่ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนเริ่มต้นขึ้น สหรัฐฯ และพันธมิตรได้ยกระดับความช่วยเหลือด้านการทหารแก่ยูเครน ในแนวทางที่ไม่คาดคิดมาก่อนในตอนแรกเริ่ม ในนั้นรวมถึงมอบรถถัง ขีปนาวุธล้ำสมัย และเครื่องบินรบเอฟ-16
พวกนักการเมืองตะวันตกบางส่วนเชื่อว่าวาทกรรมนิวเคลียร์ของปูติน เป็นเพียงแค่การข่มขวัญ และชี้แนะสหรัฐฯ และนาโต ควรลุยช่วยเหลือยูเครนเต็มรูปแบบเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะในสงคราม
ขณะที่ เซเลนสกี บอกว่าการรุกรานของยูเครนเข้าสู่ดินแดนรัสเซีย ที่เปิดฉากมาตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม คือการเย้ยหยันเส้นตายของปูติน
(ที่มา : รอยเตอร์)