โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันจันทร์ (16 ก.ย.) กล่าวโทษ กมลา แฮร์ริส คู่แข่งในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังเขาตกเป็นเป้าความพยายามลอบสังหารเป็นครั้งที่ 2 ระบุวาทกรรมที่กล่าวหาว่าเขาเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย ต้องถูกกล่าวโทษสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทรัมป์ โหมกระพือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (15 ก.ย.) ให้เป็นประเด็นทางการเมืองอย่างรวดเร็ว จากกรณีที่ว่ากันว่าชายคนหนึ่งมีแผนลอบยิงปลิดชีพตัวแทนพรรครีพับลิกันรายนี้ ขณะที่เขากำลังตีกอล์ฟอยู่ในฟลอริดา ซ้ำเติมสถานการณ์ความตึงเครียดก่อนหน้าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในอีก 7 สัปดาห์
ทั้ง ไบเดน และ แฮร์ริส ประณามความพยายามลอบสังหาร โดยประธานาธิบดีกล่าวว่า "ผมประณามความรุนแรงทางการเมืองมาตลอด และผมจะทำเช่นนั้นต่อไป"
ผู้ต้องสงสัยถูกตำรวจระบุตัวว่า ได้แก่ นายไรอัน เวสลีย์ รูธ วัย 58 ปี และเขาโดนรวบตัวไม่นาน หลังถูกพบขณะกำลังหลบซ่อนตัวพร้อมกับปืนไรเฟิลจู่โจม ริมสนามกอล์ฟของทรัมป์ ในเวสต์ปาล์มบีช รายงานข่าวระบุว่าพวกเจ้าหน้าที่หน่วยงานลับของสหรัฐฯ เปิดฉากยิง และเขาหลบหนีไป ก่อนยอมมอบตัวโดยไม่มีการต่อสู้ใดๆ
ในวันจันทร์ (16 ก.ย.) รูธ ปรากฏตัวต่อศาล ซึ่งเขาได้รับแจ้งว่าในเบื้องต้นถูกตั้งข้อหาครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย เขาดูมีท่าทีสงบและไม่ปริปากใดๆ นอกเหนือจากตอบคำถาม "ใช่" เมื่อถูกสอบถามจากผู้พิพากษา ทั้งนี้ คาดหมายว่าข้อหาอื่นๆ จะตามมาในภายหลัง เนื่องจากเอฟบีไออยู่ระหว่างสืบสวนในสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่า "น่าจะเป็นความพยายามลอบสังหาร"
คำฟ้องทางอาญาของเอฟบีไอ อ้างอิงประวัติการณฝใช้โทรศัพท์มือถือ พบว่า รูธ ใช้เวลาอยู่ใกล้ๆ กับเขตสนามกอล์ฟของทรัมป์ เป็นเวลาเกือบ 12 ชั่วโมง
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ทรัมป์ ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนนัดหนึ่ง ในเหตุลอบสังหาร ณ เวทีหาเสียงในเพนซิลเวเนีย ซึ่งมีผู้สนับสนุนของเขารายหนึ่งเสียชีวิตท่ามกลางฝูงชน ก่อนคนร้ายที่ลงมือเพียงลำพัง จะถูกวิสามัญฆาตกรรมจากกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ที่ยิงสวนกลับไป
ทรัมป์ ซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ล่าสุดในวันอาทิตย์ (15 ก.ย.) ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวดิจิทัล ว่า วาทกรรมของไบเดนและแฮร์ริส "เป็นต้นตอทำให้ผมถูกยิง เนื่องจากผมเป็นคนหนึ่งที่กำลังมาปกป้องประเทศแห่งนี้" โดย ทรัมป์ วัย 78 ปี อ้างถึงความเห็นที่ทั้ง 2 คน ใช้บ่อยครั้ง กล่าวหาว่าเขาเป็น "ภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย"
ไบเดน และ แฮร์ริส ให้คำจำกัดความ ทรัมป์ ว่าเป็นตัวอันตราย จากกรณีที่เขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อ ไบเดน ในศึกเลือกตั้งปี 2020 และกรณีที่เวทีหาเสียงของเขายุยงบรรดาผู้สนับสนุนให้จู่โจมสภาคองเกรสในปี 2021 เพื่อแสดงออกถึงการขัดขืนทางการเมือง
ทรัมป์ ซึ่งมีกลยุทธ์หาเสียงหลัก โจมตี แฮร์ริส เปิดทางการรุกรานของคนเข้าเมือง และอ้างว่าสหรัฐฯ กำลังกลายเป็น "ประเทศล้มเหลว" มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถปกป้องได้ กล่าวหาว่าฝ่ายตรงข้ามของเขา ใช้วาทกรรมโหมกระพือกระตุ้นอารมณ์อย่างรุนแรง "ผมสามารถใช้ถ้อยคำแบบนี้ได้เช่นกัน และผมสามารถใช้มันได้ดีกว่าพวกเขามากๆ แต่ผมไม่ทำ"
สถานการณ์ทางการเมืองของสหรัฐฯ กำลังร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่การชิงชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเข้าสู่สัปดาห์ท้ายๆ แล้ว และโพลต่างๆ บ่งชี้ว่ามันจะจบลงแบบคู่คี่สูสีในวันที่ 5 พฤศจิกายน
มีความกังวลอย่างกว้างขวางเช่นกันว่า ทรัมป์ จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อีกครั้ง หากว่าเขาปราชัยต่อ แฮร์ริส ซึ่งอาจโหมกระพือความรุนแรงซ้ำรอยเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ครั้งที่ฝ่ายสนับสนุนของเขาบุกจู่โจมเข้าไปยังสภาคองเกรส พยายามหยุดการรับรองชัยชนะของ ไบเดน ในศึกเลือกตั้ง 2 เดือนก่อนหน้านั้น
ทรัมป์ ใช้เหตุการณ์ในวันอาทิตย์ (15 ก.ย.) ร้องขอระดมทุนหาเสียง โพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ในวันจันทร์ (16 ก.ย.) "สู้ สู้ สู้" และ "บริจาคเลย ในวันนี้"
(ที่มา : เอเอฟพี)