รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - อดีตประธานาธิบดีเปรูเชื้อสายญี่ปุ่น อัลแบร์โต ฟูจิโมริ ที่สามารถขับเคลื่อนการเติบโตเศรษฐกิจเปรูในยุค 90 แต่ถูกจำคุกในเวลาต่อมาในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการทำสงครามต่อพวกกบฏเหมาและคดีคอร์รัปชัน ถึงแก่อสัญกรรมลงในวัย 86 ปีที่กรุงลิมาวันพุธ (11 ก.ย.) หลังป่วยโรคมะเร็งมายาวนาน
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (12 ก.ย.) ว่า เพื่อนสนิทเดินทางไปเยี่ยมเขาก่อนหน้าของวันได้เปิดเผยว่า อดีตประธานาธิบดีเปรูผู้อื้อฉาว อัลแบร์โต ฟูจิโมริ (Alberto Fujimori) นั้นอยู่ในขั้นวิกฤต
ข่าวการถึงแก่อสัญกรรมของฟูจิมูริได้ประกาศออกมาจากกรุงลิมา โดยเป็นการเปิดเผยโดยบุตรสาวที่เป็นนักการเมืองเปรูชื่อดัง เคอิโกะ ฟูจิโมริ (Keiko Fujimori) บนแพลตฟอร์ม X
“หลังจากต่อสู้กับโรคมะเร็งมาอย่างยาวนาน บิดาของพวกเรา...เพิ่งออกเดินทางเพื่อไปพบพระผู้เป็นเจ้า” รายงานจากแถลงการณ์ของบุตรสาวฟูจิโมริที่มีการลงนามโดยบุตรคนอื่นๆ ของอดีตผู้นำเปรูเช่นกัน
เลอมงด์ (Le Monde) ของฝรั่งเศส รายงานว่า ฟูจิโมริซึ่งเป็นผู้นำเปรูเชื้อสายญี่ปุ่นเป็นคนแรกเข้าปกครองระหว่างปี 1990-2000 โดยในระหว่างการอยู่ในตำแหน่งพบว่ารัฐบาลของเขามีความเป็นเผด็จการมากขึ้น
อดีตผู้นำเปรูเพิ่งได้รับการอภัยโทษเมื่อธันวาคมปีที่แล้วจากคดีคอร์รัปชันและความรับผิดชอบต่อการเสียชีวิต 25 คน
เคอิโกะบุตรสาวเคยเปิดเผยเมื่อกรกฎาคมล่าสุดว่า พ่อวางแผนเพื่อกลับมาปกครองเปรูสำหรับสมัยที่ 4 ของเขาในปี 2026
รอยเตอร์รายงานว่า ฟูจิโมริมีความสามารถทางด้านเศรษฐกิจที่เขาสามารถจัดการวิกฤตเงินเฟ้อมหาศาลที่ทำให้ชาวเปรูหลายล้านต้องออกจากงาน จัดการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ลดภาษีการค้า และวางรากฐานสำหรับเปรูเพื่อให้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
ภายใต้การปกครอง ฟูจิโมริสามารถจับกุมผู้นำกบฏเหมากลุ่ม Shining Path อาบิมาเอล กุซแมน (Abimael Guzman) ซึ่งในยุค 80 กบฏเหมาเกือบประสบความสำเร็จสามารถโค่นล้มรัฐบาลเปรูได้
กุซแมนเสียชีวิตในเรือนจำเมื่อกันยายน ปี 2021
แต่ทว่าประชาชนเปรูจำนวนมากมองอัลแบร์โต ฟูจิโมริ ในฐานะผู้นำเผด็จการหลังจากเขาส่งรถถังเข้าไปปิดรัฐสภาคองเกรสเมื่อปี 1992 จัดการร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญเปรูใหม่อีกครั้งเพื่อให้เป็นไปตามสิ่งที่เขาปรารถนา ทั้งการผลักดันการปฏิรูปตลาดเสรีและกฎหมายต่อต้านก่อการร้ายที่เข้มงวด
อย่างไรก็ตาม ทั่วโลกจดจำฉากการส่งแฟ็กซ์ลาออกจากตำแหน่งของฟูจิโมริได้ดี
เกิดขึ้นหลังอดีตผู้นำเปรูหลบหนีออกนอกประเทศเมื่อปี 2000 หลังวิดีโอเทปอื้อฉาวเกิดรั่วออกไปถึงสาธารณะแสดงให้เห็นว่า หัวหน้าหน่วยข่าวกรองลับของเขา วลาดิมิโร มอนเตซินอส (Vladimiro Montesinos) กำลังให้สินบนนักการเมืองเปรูหลายคน
พบว่าฟูจิโมริหลบหนีกลับไปญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดของบิดา และมารดาของเขาก่อนส่งแฟ็กซ์ที่อื้อฉาวประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี