ปฏิบัติการของกองทัพยูเครนที่บุกโจมตีแคว้นคูสก์ (Kursk) ของรัสเซียซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้วเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 30,000 ล้านบาท ตามการประเมินของผู้ว่าฯ ประจำภูมิภาคเมื่อวานนี้ (11 ก.ย.)
ยูเครนส่งทหารหลายพันนายพร้อมอาวุธหนักและโดรนบุกข้ามพรมแดนเข้าไปยังแคว้นคูสก์ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. ซึ่งถือได้ว่าเป็นการรุกรานแผ่นดินรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
แคว้นคูสก์ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตธัญพืชแห่งสำคัญของรัสเซีย โดยคิดเป็น 4% ของปริมาณการเก็บเกี่ยวทั้งหมดในปีที่แล้ว ซึ่งรัสเซียเองก็ถือเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดของโลก
“การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและการใช้ปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายในภูมิภาคคูสก์ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของที่นี่” อเล็กเซย์ สมีร์นอฟ ผู้ว่าการแคว้นคูสก์ กล่าวระหว่างประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่กระทรวงเกษตรกรรมของรัสเซีย
ก่อนหน้านั้นในวันพุธ (11) เหล่าบล็อกเกอร์โปรสงครามและผู้บัญชาการทหารอาวุโสของรัสเซียนายหนึ่งได้ออกมาเปิดเผยว่า กองทัพรัสเซียได้เริ่มเปิดปฏิบัติการโจมตีตอบโต้กองกำลังยูเครนที่ปักหลักอยู่ในแคว้นคูสก์แล้ว
“มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เราประเมินไม่ต่ำกว่าหลายหมื่นล้านรูเบิล และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” สมีร์นอฟ กล่าว พร้อมกับนำเสนอตัวเลขความเสียหายที่ 85,000 ล้านรูเบิล หรือราว 934.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 31,500 ล้านบาท)
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า การเก็บเกี่ยวธัญพืชในพื้นที่ 160,000 เฮกตาร์ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่เมล็ดพืชน้ำมันประมาณ 500,000 เมตริกตัน และชูการ์บีทอีกราว 700,000 ตันได้รับความเสียหาย หรือถูกนำส่งออกไปนอกรัสเซีย
ผู้ว่าการแคว้นคูสก์เผยด้วยว่า ปัจจุบันมีธัญพืชกว่า 300,000 ตันถูกเก็บอยู่ตามโกดังในพื้นที่ที่ทหารยูเครนยึดครองอยู่ นอกจากนี้กฝยังมีหมูและสัตว์จำพวกวัวควายล้มตายไปแล้วมากกว่า 350,000 ตัว
ที่มา : รอยเตอร์
