น้ำมันฟื้นกังวลเฮอร์ริเคนถล่มสหรัฐฯ หุ้นมะกันบวก-ทองคำปิดแคบ

ราคาน้ำมันฟื้นตัวมากกว่า 2% ในวันพุธ (11 ก.ย.) จากความกังวลต้องระงับการผลิตนอกชายฝั่งสหรัฐฯ เป็นเวลานาน สืบเนื่องจากเฮอร์ริเคนแฟรนซีน กำลังถาโถมขึ้นฝั่งลุยเซียนา ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก ได้แรงหนุนกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ทองคำทรงตัว

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.56 ดอลลาร์ ปิดที่ 67.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.42 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

พวกนักวิเคราะห์ระบุความกังวลว่าเฮอร์ริเคนแฟรนซีน จะก่อความปั่นป่วนแก่กำลังผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ชาติผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก คือปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นแรงในวันพุธ (11 ก.ย.)

ตลาดน้ำมันเพิกเฉยต่อข้อมูลคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งอเมริกาในวันเดียวกัน ซึ่งระบุว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศเพิ่มขึ้น 833,000 บาร์เรล เป็น 419.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 กันยายน แต่มันน้อยกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้นราว 987,000 บาร์เรล

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันพุธ (11 ก.ย.) ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีที่ช่วยชดเชยความผิดหวังของนักลงทุนที่มีต่อรายงานเงินเฟ้อซึ่งเผยแพร่ออกมาในตอนเช้า ซึ่งกัดเซาะความหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในสัปดาห์หน้า

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 124.75 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 40,861.71 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 58.61 จุด (1.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,554.13 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 369.65 จุด (2.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,395.53 จุด

ดัชนีเทคโนโลยีของเอสแอนด์พี 500 ปิดบวก 3.3% โดยได้เอ็นวิเดีย ผู้ผลิตชิปเอไอ ซึ่งขยับขึ้นถึง 8% เป็นแรงหนุนสำคัญ หลังมีรายงานข่าวระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาอนุญาตให้เอ็นวิเดียส่งออกชิปล้ำสมัยไปยังซาอุดีอาระเบีย

ก่อนหน้านี้กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเดือนที่แล้ว เท่ากับในเดือนกรกฎาคม ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนสูง เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน มากกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 0.2%

ข้อมูลดังกล่าวทำให้พวกนักลงทุนปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ โดยเชื่อว่ามีโอกาสถึง 85% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% เพิ่มขึ้นจากระดับ 66% เมื่อวันอังคาร (10 ก.ย.) ส่วนความเป็นไปได้ของการปรับลดดอกเบี้ย 0.50% ลดลงจากระดับ 34% เมื่อวันก่อน เหลือแค่ 15% อ้างอิงผลสำรวจ FedWatch tool ของ CME Group

ปัจจัยดังกล่าวผลักดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และฉุดราคาทองคำปิดลบในกรอบแคบๆ ในวันพุธ (11 ก.ย.) โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 70 เซนต์ ปิดที่ 2,542.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์

(ที่มา : รอยเตอร์)