ยูเครนส่งโดรนโจมตีมอสโกครั้งใหญ่ที่สุด ทำให้มีหญิงผู้หนึ่งเสียชีวิต ถือเป็นครั้งแรกที่อาวุธของเคียฟคร่าชีวิตผู้คนในเขตใกล้เมืองหลวงของรัสเซียนับจากยูเครนถูกรุกรานเมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว การโจมตีครั้งนี้ยังทำให้บ้านเรือนหลายสิบหลังเสียหาย ขณะที่ท่าอากาศยานรอบๆ มอสโกปั่นป่วนไปหลายชั่วโมง ต้องเปลี่ยนเส้นทางบินราว 50 ไฟลต์
ทางการรัสเซียแถลงในวันอังคาร (10 ก.ย.) ว่า ในคืนวันจันทร์ (9) สามารถทำลายโดรนโจมตีของยูเครนอย่างน้อย 20 ลำในแคว้นมอสโกที่มีประชากรกว่า 21 ล้านคน และอีก 124 ลำใน 8 แคว้น กว่า 70 ลำในจำนวนนี้ถูกยิงตกในแคว้นบรีแยนสก์ โดยที่ในแคว้นอื่นๆ ไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้บาดเจ็บล้มตายแต่อย่างใด
กระนั้นก็ตาม การโจมตีระลอกล่าสุดของยูเครนได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 คนในแคว้นมอสโก โดยเป็นผู้หญิงวัย 46 ปี และยังทำให้มีผู้บาดเจ็บอีก 3 คน ในเมืองราเมนสโกเย ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมอสโกราว 23 กม. นอกจากนั้นท่าอากาศยานจาก 3 ใน 4 แห่งของเมืองหลวงแดนหมีขาวก็ต้องปิดให้บริการนานกว่า 6 ชั่วโมง และเกือบ 50 เที่ยวบินต้องเปลี่ยนเส้นทาง
ผู้พักอาศัยคนหนึ่งที่อยู่ใกล้อพาร์ตเมนต์ที่ถูกโจมตีจนมีผู้เสียชีวิตคราวนี้ แสดงความกังวลว่า หลังจากเคียฟเปิดฉากบุกแคว้นคูร์สก์ ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกของรัสเซีย เมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้ยูเครนก็สามารถโจมตีใกล้มอสโก พร้อมกล่าวหารัฐบาลรัสเซียไม่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องความปลอดภัยของประชาชน
ยูเครนส่งโดรนเข้าโจมตีมอสโกและแคว้นโดยรอบมาหลายครั้งนับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 แต่การโจมตีในวันอังคารถือเป็นครั้งแรกที่มีผู้เสียชีวิตใกล้เมืองหลวงของรัสเซีย
ด้านคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซียแถลงในวันอังคาร (10 ก.ย.) ว่า ได้เริ่มการสอบสวนคดีอาชญากรรมสำหรับเหตุการณ์ “การก่อการร้าย” ครั้งนี้แล้ว
ทางด้านดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ประณามการโจมตีนี้ และสำทับว่า เหตุการณ์นี้ตอกย้ำความจำเป็นที่รัสเซียจะต้องบุกโจมตีในยูเครนต่อไป
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่พยายามปกป้องมอสโกจากผลพวงของสงคราม กล่าวหาว่า การโจมตีด้วยโดรนของยูเครนเป็นการก่อการร้าย เนื่องจากพุ่งเป้าที่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือน และประกาศว่าจะต้องตอบโต้
ทั้งนี้ ตลอดช่วงเวลา 2 ปีครึ่ง รัสเซียโจมตียูเครนด้วยโดรนและขีปนาวุธนับพันชุด ทำให้พลเรือนเสียชีวิตหลายพันคน ระบบพลังงาน ตลอดจนถึงอาคารพาณิชย์และที่พักอาศัยเสียหายทั่วประเทศ
ด้านยูเครนประกาศว่า มีสิทธิ์ในการโจมตีในดินแดนรัสเซีย แม้พันธมิตรตะวันตกยืนกรานว่า ไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างรัสเซียกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ก็ตาม
อย่างไรก็ดี ทางการยูเครนยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการโจมตีล่าสุด ซึ่งมักเป็นสิ่งที่เคียฟประพฤติ ในเวลาเปิดการโจมตีลึกเข้าไปในรัสเซีย นอกจากนั้นทั้งสองฝ่ายยังคอยปฏิเสธว่า ไม่ได้พุ่งเป้าโจมตีพลเรือนของอีกฝ่าย
การโจมตีเมื่อวันอังคารเกิดขึ้นหลังจากเมื่อต้นเดือนยูเครนเปิดฉากโจมตีด้วยโดรนโดยพุ่งเป้าโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของรัสเซียเป็นหลัก
การโจมตีนี้ยังเกิดขึ้นขณะที่มอสโกคุยว่า สามารถรุกคืบในดินแดนด้านตะวันออกของยูเครนได้เร็วกว่าช่วง 30 เดือนที่ผ่านมาที่รัสเซียยกทัพบุกยูเครน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงเมื่อวันอังคารว่า เข้ายึดเมืองครอสโนโกริฟกา และหมู่บ้านอีก 3 แห่ง ในแคว้นโดเนตสก์ ทางตะวันออกของยูเครน โดยที่แคว้นโดเนตสก์ รวมกับแคว้นลูฮันสก์ที่อยู่ติดกัน คือภูมิภาคดอนบาส ฐานอุตสาหกรรมสำคัญในยูเครน
เมืองครอสโนโกริฟกา ที่มีประชากร 16,000 คนในช่วงก่อนสงคราม ตั้งอยู่บริเวณแนวรบที่สถานการณ์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมานานหลายสัปดาห์
การที่เคียฟยกกำลังบุกแคว้นคูร์สก์แบบสร้างเซอร์ไพรซ์ ก็ด้วยความหวังที่จะบีบให้รัสเซียถอนกำลังที่กำลังบดขยี้ภาคตะวันออกของยูเครนกลับไปปกป้องดินแดนของตนเอง แต่กลับกลายเป็นว่า มอสโกโจมตีพื้นที่ดังกล่าวหนักกว่าเดิม
นอกจากนั้น รัสเซียยังระดมโจมตีทางอากาศต่อเมืองต่างๆ ของยูเครนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน โดยเมื่อวันอังคาร ยูเครนเผยว่า สามารถทำลายโดรนที่รัสเซียส่งไปโจมตีในช่วงคืนวันจันทร์ได้ 38 ลำ จากทั้งหมด 46 ลำ
(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์)