xs
xsm
sm
md
lg

อึ้ง! รายงานใหม่จากธนาคารกลางยุโรปชี้ EU ทุ่มซื้ออาวุธจาก "สหรัฐฯ" มาเก็บในคลังแสงจนล้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอพี/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - รายงานใหม่จากผู้ว่าการธนาคารกลางยุโรปชี้ ประเทศสมาชิก EU ต่างทุ่มซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก พบ 2 ใน 3 ของทั้งหมดสั่งจาก “สหรัฐฯ” เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ “รัสเซีย” กลับมาหลอนยุโรปรอบใหม่ แต่ชาติยุโรปยังหากระสุนส่งให้ยูเครนไม่ครบ

เอพีรายงานวานนี้ (9 ก.ย.) ว่า รายงานว่าด้วยการแข่งขันของสหภาพยุโรป (EU competitiveness)ในวันจันทร์ (9) ชี้ว่า EU ที่มีสมาชิกอยู่รวมกัน 27 ชาตินั้นกำลังล้มเหลวในการวิจัยและการพัฒนาศักยภาพเพื่อปรับปรุงกองกำลังตัวเองให้ทันสมัยที่เป็นแค่เสี้ยวเดียวของระดับการลงทุนของสหรัฐฯ อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลี มาริโอ ดรากี (Mario Draghi) หัวหน้าธนาคารกลางยุโรป  หรือ European Central Bank เปิดเผยในรายงานนี้

โดยในร่างตามรายงานของโพลิติโกของสหรัฐฯ กล่าวไปถึงความท้าทายไม่กี่ประการที่ภาคการป้องกันประเทศของ EU กำลังเผชิญหน้า รวมถึงการใช้งบด้านการป้องการประเทศไม่เพียงพอ โดยเทียบให้เห็นว่า ทั่วทั้ง EU นั้นใช้งบประมาณการป้องกันประเทศคิดเป็น 1 ใน 3 ของตัวเลขที่สหรัฐฯ ใช้

และอีกทั้งบริษัทอาวุธยุโรปมักอยู่เฉพาะในตลาดภายในประเทศที่เล็ก ในขณะที่ประเทศสมาชิก EU ไม่ประสานร่วมกันในการจัดหาและพึ่งพา 80% จากบริษัทผู้ผลิตอาวุธซัปพลายเออร์ต่างชาติที่ส่วนใหญ่มาจากอเมริกา ดรากีกล่าวในรายงาน

เอพีระบุว่า ในรายงานการแข่งขันของ EU นี้เปิดเผยว่า ในขณะที่รัสเซียยังคงทำสงครามรุกรานยูเครนต่อเนื่องที่กระทบต่อความมั่นคงยุโรป รายงานได้แนะนำว่า บริษัทอาวุธของยุโรปทั้งหลายสมควรสามารถเข้าถึงเงิน EU โดยสมบูรณ์ และไม่สมควรปิดกั้นต่อการควบรวมโดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงความสามารถในการแข่งขัน ผู้ว่าการธนาคารกลางยุโรปที่เป็นผู้เตรียมรายงานฉบับนี้กล่าวในร่าง

รายงานเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ EU ยังคงพยายามที่จะจัดหาอาวุธและกระสุนให้เพียงพอเพื่อช่วยให้ยูเครนยังคงสามารถยืนหยัดการสู้รบรัสเซียในสนามรบได้ต่อไปที่ปัจจุบันเป็นปีที่ 3 และยังเป็นการเริ่มต้นของอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของยุโรปเอง

รายงานวันจันทร์ (9) ชี้ว่า ระหว่างกลางปี 2022-กลางปี 2023 พบว่า 63% ของคำสั่งซื้อจากสหภาพยุโรปทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นกับซัปพลายเออร์อาวุธสัญชาติอเมริกัน และอีก 15% มาจากซัปพลายเออร์นอก EU

โดยระยะเวลาที่ระบุในรายงานของดรากี (กลางปี 2022-กลางปี 2023) เป็นช่วงเวลาที่ 'รัสเซีย' เริ่มต้นส่งกำลังทหารบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 24 ก.พ. ปี 2022 และในเวลานั้นประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เป็นผู้ออกแถลงการณ์ประกาศปฏิบัติการพิเศษทางการทหารในยูเครนทางทีวีด้วยตัวเอง ก่อนเริ่มเปิดฉากสร้างความตกตะลึงไปทั่วยุโรปที่มีโอกาสเห็นสงครามเกิดขึ้นในทวีปอีกครั้งนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

อ้างอิงจากข้อมูลใหม่เผยแพร่โดยสถาบันการวิจัยเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศสตอกโฮล์มหรือ SIRI (Stockholm International Peace Research Institute) ยุโรปมีโอกาสได้เห็นการเพิ่มขึ้นอย่างเป็นวงกว้างของงบการทหารนับตั้งแต่เริ่มต้นของปี 2022 มาแตะที่ 552 พันล้านยูโรในปี 2023 ตามการรายงานของยูโรนิวส์เมื่อวันที่ 22 เม.ย ของปี 2024

โดยเหตุผลด้านความไม่แน่นอนในสถานการณ์โลกปัจจุบัยกลายเป็นปัจจัยทำให้ชาติยุโรปต่างพากันหันมาซื้ออาวุธเพิ่มเพื่อป้องกันประเทศ

ABC News ของสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมาว่า 'เนเธอร์แลนด์' กลายเป็นชาติล่าสุดในสหภาพยุโรปที่ตัดสินใจเพิ่มอาวุธทางการทหารเข้าคลังแสงด้วยการสั่งซื้อเครื่องบิน F-35 เพิ่ม และการกลับมาอีกครั้งของกองกำลังรถถังดัตช์ ซึ่งเนเธอร์แลนด์ถือเป็น 1 ในชาติที่ประกาศส่งเครื่องบินรบ F-16 จำนวน 24 ลำให้ยูเครนเพื่อสู้รัสเซีย

เอพีรายงานว่า ทั่วทั้ง 27 ชาติใน EU ปี 2022 การวิจัยทางการทหารและการพัฒนามาอยู่ที่ 10.7 พันล้านยูโร (11.8 พันล้านดอลลาร์) หรือแค่ราว 4.5% ของจำนวนทั้งหมดเมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลข 140 พันล้านดอลลาร์ของสหรัฐฯ หรือราว 16% ของงบทางการทหาร

นับตั้งแต่รัสเซียประกาศผนวกแหลมไครเมียของยูเครนเมื่อปี 2014 พันธมิตรนาโตที่เกือบทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรปได้เพิ่มงบประมาณทางการทหาร โดยเป้าหมายของชาติเหล่านั้นตั้งไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 2% ของตัวเลข GDP

เป็นที่รู้ว่า บรรดาผู้นำสหรัฐฯ หลายคนอย่างต่อเนื่องต่างคะยั้นคะยอให้ทั้งชาติพันธมิตรยุโรปทั้งหลายและแคนาดาให้ใช้จ่ายเพิ่มในงบการป้องกันประเทศมานานกว่า 10 ปี

อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ที่ถือเป็นเสาหลักค้ำยันนาโตที่มีการส่งกำลังทหารจำนวนมากไปประจำการ และอ้างอิงจากยูเอสเอทูเดย์ของสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมาพบว่า วอชิงตันได้มอบเงินราว 567 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 15.9% ของทั้งหมดที่ถือเป็นตัวเลขสูงสุดของกลุ่มพร้อมกับ เยอรมนี และ อังกฤษ ให้แก่นาโตในปีนี้

และที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯ จากทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตยืนยันปกป้องยุโรป เว้นแต่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กลายเป็นผู้นำทำเนียบขาวเพียงคนเดียวประกาศจะไม่ปกป้องประเทศในยุโรปที่ไม่สามารถทำให้งบประมาณทางการทหารให้เป็นไปตามเกณฑ์ และยังเคยกล่าวว่าเขาจะปล่อยให้ประธานาธิบดีปูติน รุกรานประเทศนั้นและกลายเป็นวาทะที่สร้างความไม่พอใจไปทั่วทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก


กำลังโหลดความคิดเห็น