รัฐบาลอินโดนีเซียเห็นชอบให้ระงับการก่อสร้างโรงแรม วิลล่า และไนต์คลับแห่งใหม่ๆ ในบางพื้นที่ของเกาะบาหลี เพื่อบรรเทาผลกระทบจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วจนขาดการควบคุม (over-development)
คำสั่งยับยั้งชั่วคราวนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายปฏิรูปการท่องเที่ยวบนเกาะบาหลี ซึ่งถือเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของอินโดนีเซีย เพื่อที่จะยกระดับคุณภาพชีวิต การทำงาน และยังคงรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนบาหลี
เฮอร์มิน เอสตี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงประสานกิจการทางทะเลและการลงทุน (Coordinating Ministry of Maritime and Investment Affairs) ให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลอิเหนาเห็นชอบแผนยับยั้งการก่อสร้างดังกล่าว ทว่ายังไม่ได้กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 ก.ย.) ซัง มาเด มเหนทรา จายา รักษาการผู้ว่าการเกาะบาหลี ออกมาเสนอให้รัฐบาลกลางสั่งระงับการก่อสร้างโรงแรม วิลล่า และบีชคลับเพิ่มใน 4 เขตที่มีประชากรและนักท่องเที่ยวหนาแน่น
ล่าสุด สำนักงานผู้ว่าการเกาะบาหลีและกระทรวงการท่องเที่ยวอินโดนีเซียยังไม่ได้ออกมาตอบคำถามสื่อในประเด็นนี้
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว Detik อ้างคำพูดของ ลูฮุต ปันไจตัน รัฐมนตรีอาวุโส ซึ่งให้สัมภาษณ์เมื่อวันอาทิตย์ (8) ว่า คำสั่งระงับก่อสร้างอาจจะมีผลบังคับใช้ยาวนานสุด 10 ปี
ลูฮุต เคยออกมาให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่บนเกาะบาหลีมากถึง 200,000 คน ซึ่งมีส่วนกระพือปัญหาอาชญากรรม การพัฒนาที่มากเกินไป และยังเข้ามาแข่งขันแย่งงานกับคนท้องถิ่นด้วย
จำนวนคนต่างชาติที่เข้าไปยังเกาะบาหลีเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่อินโดนีเซียเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้นไป
คลิปวิดีโอที่ชาวต่างชาติแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมถูกแชร์จนเป็นไวรัลอยู่เนืองๆ ซึ่งสร้างความไม่พอใจต่อคนพื้นที่ และจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงจากชาวเน็ตในอินโดนีเซีย
สถิติจากรัฐบาลอินโดนีเซียพบว่า มีชาวต่างชาติเดินทางเข้าสนามบินบาหลีประมาณ 2.9 ล้านคนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ หรือคิดเป็น 65% ของชาวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้าอินโดนีเซียโดยเครื่องบิน
จำนวนโรงแรมบนเกาะบาหลีเพิ่มขึ้นเป็น 541 แห่งในปีที่ผ่านมา จากเดิมที่มีอยู่ 507 แห่งเมื่อปี 2019
ที่มา : รอยเตอร์