เอเจนซีส์ - โพลสำรวจก่อนดีเบทครั้งสำคัญวันอังคาร(10 ก.ย) พบว่าอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นนำ คู่แข่งรองประธานาธบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส อยู่ที่ 48%-47% ส่วนของรัฐสวิงสเตทมีคะแนนสูสีมาก ขณะที่คู่หูบุช อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดิค เชนีย์ ยืนยันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปลายปีนี้ จะเลือกแฮร์ริสของพรรคเดโมแครตยืนยัน "ทรัมป์" กลายเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ของสหรัฐฯในรอบ 248 ปี
เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันนี้(9 ก.ย)ว่า ในโพลสำรวจทั่วสหรัฐฯโดยหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส/วิทยาลัยซีนา (Siena College)ที่เปิดเผยล่าสุดวันอาทิตย์(8) พบว่าก่อนวันดีเบททางโทรทัศน์ครั้งแรกระหว่างรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลีกัน ผลสำรวจชี้ทรัมป์ขึ้นนำอยู่แค่ 1% โดยอยู่ที่ 48%-47% ในโพลสำรวจที่มีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนอยู่ที่ 3%
ขณะที่โพล CBS/YouGov ในวันอาทิตย์(8) รายงานผลในรัฐสวิงสเตทว่ามีคะแนนสูสีโดย แฮร์ริสนำในรัฐมิชิแกนที่ 50% - 49% และรัฐวิสคอนซินที่ 51% - 49% และมีคะแนนเสมอทรัมป์ในรัฐเพนซิลเวเนีย 50% - 50%
โพบนิวยอร์กไทม์สชี้ว่า ชาวอเมริกันยังไม่รู้จัก กมลา แฮร์ริส ดีพอ
28% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่า ต้องการข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับผู้แทนพรรคเดโมแครตที่เพิ่งก้าวเข้ามาในการเป็นตัวแทนชิงแทนที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่ต้องประกาศถอนตัวอย่างกะทันหัน ส่วนอีก 9% ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวอเมริกันเปิดเผยว่า ต้องการข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับทรัมป์
โพลสำรวจชี้ว่า การดีเบทชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯวันอังคาร(10)นี้อาจเป็นตัวตัดสินและเป็นการเปิดตัวรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส ให้ประชาชนอเมริกันในวงกว้างได้รู้จักมากขึ้นเมื่อเทียบกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งเป็นที่รู้จักดีอยู่แล้ว
เดอะการ์เดียนชี้ว่า แฮร์ริสซึ่งหากชนะการเลือกตั้งจะกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯหญิงคนแรกของอเมริกาและเป็นแอฟริกันอเมริกันและเอเชียขึ้นกุมบังเหียน เธอจะมีโอกาสแสดงแผนนโยบายประชันกับทรัมป์ในระยะเวลาการดีเบท 90 นาที
เศรษฐกิจและวิกฤตเงินเฟ้อถือเป็นสิ่งที่อเมริกันชนวิตกในเวลานี้และถือเป็นข้อได้เปรียบของทรัมป์ต่อแฮร์ริส พบว่าในกลุ่มผู้มีสิทธิ์ผิวขาวการศึกษาต่ำกว่าระดับปริญญาตรที่ถือเป็นกลุ่มผู้มีสิทธิจำนวนมากในรัฐสวิงสเตทเหล่านี้แสดงความนิยมต่อทรัมป์จากนโยบายโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับกลุ่มชนชั้นแรงงาน(working-class people)ที่ทรัมป์ 53%- แฮร์ริส 27%
โพบยังชี้ว่าใน 7 รัฐสวิงสเตทสำคัญที่จะเป็นตัวตัดสินว่าใครจะได้เป็นผู้นำสหรัฐฯคนใหม่นั้นแสดงว่า การเลือกตั้งมีคะแนนสูสีมาก โดยในโพลล่าสุดพบว่า แฮร์ริสนำทรัมป์อย่างเฉียดฉิวในรัฐวสคอนซินที่ 50% - 47% รัฐมิชิแกน 49% -47% และรัฐเพนซิลเวเนีย 49 -48% ตามลำดับ ส่วนรัฐเพนซิลเวเนียที่ 49% -48%
ส่วนโพลนิวยอร์กไทม์ส/วิทยาลัยซีนา ให้ความสนใจไปที่รัฐสวิงสเตทเหล่านี้ในเดือนที่ผ่านมาชี้ว่า กมลา แฮร์ริสนำทรัมป์อยู่ 4% ที่ 50% - 46%
นับตั้งแต่แฮร์ริสขึ้นมาแทนที่ไบเดนพบว่า เธอใช้วิธีการลงพื้นที่หาเสียงอย่างหนัก แต่จำกัดการให้สัมภาษณ์แบบไม่มีสคริปต์และยังให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนต่ำเช่นกัน
แวดวงการเมืองสหรัฐฯเป่าปากเมื่อคู่หูบุชทำศึกโค่นเผด็จการซัดดัม ฮุสเซนในอิริก ดิค เชนีย์ (Dick Cheney) ยืนยันเป็นครั้งแรกจะโหวตเลือกกมลา แฮร์ริสขึ้นเป็นปธน.สหรัฐฯคนใหม่
CNN ของสหรัฐฯรายงานว่า ในขณะที่สหรัฐฯกำลังจะรำลึกครบรอบโจมตีตึกเวิลด์เทรด 11 ก.ย อีกครั้งหรือ 1 วันถัดจากวันดีเบทประธานาธิบดีสหรัฐฯ
อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯสมัย 11 ก.ย ปี 2001 ดิค เชนีย์ จากพรรครีพับลิกันและถือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในพรรคเปิดเผยวันศุกร์(6)ว่า เขาจะไม่ทำตามพรรค และจะโหวตให้กมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครตแทนในการเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย นี้
เชย์นีกล่าวเตือนว่า ทรัมป์เป็นบุคคลอันตรายไม่สมควรได้รับการไว้วางใจจากสาธารณะให้เข้าสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง
“ในประวัติศาสตร์ 248 ปีชาติของเรา ยังไม่เคยมีบุคคลใดที่จะกลายเป็นภัยคุกคามยิงใหญ่ต่อสาธารณรัฐของพวกเราได้มากไปกว่า ‘โดนัลด์ ทรัมป์’”
และเสริมว่า “เขาพยายามที่จะขโมยการเลือกตั้งล่าสุดด้วยคำโกหกและความรุนแรงเพื่อให้ตัวเขายังสามารถอยู่ในอำนาจหลังผู้มีสิทธิ์ออกเสียงได้โหวตปฎิเสธเขาไปแล้ว ชายผู้นี้ไม่สามารถได้รับการไว้วางใจให้มีอำนาจอีกครั้ง”
เชนีย์ผู้ที่ช่วยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช บุกอิรักและสังหารอดีตประธานาธิบดี ซัดดัม ฮุสเซน กล่าวต่อว่า
“ในฐานะประชาชน พวกเราต่างมีหน้าที่ในการให้ประเทศเหนือพวกพวกพ้อง ปกป้องประชาธิปไตยของพวกเรา นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผมจึงจะโหวตให้รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส”
CNN รายงานว่า นอกจากนี้บุตรสาวของเขา อดีตส.สจากรัฐไวโอมิง ลิซ เชนีย์ (Liz Cheney) จากพรรครีพับลิกันประกาศจะออกเสียงให้แฮร์ริสเช่นกัน