ยูเครนกังวลหนัก หลังสื่อดังรายงานอิหร่านส่งมอบขีปนาวุธทิ้งตัว (ballistic missiles) ให้รัสเซียเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นไปตามที่อเมริกาและตะวันตกเตือนล่วงหน้ามาเกือบปี ด้านเตหะรานยืนยันจุดยืนยังคงเดิมคือไม่สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ฝ่ายใดๆ ในสงครามยูเครน พร้อมเรียกร้องให้ประเทศอื่นทำตาม
กระทรวงการต่างประเทศยูเครนออกคำแถลงวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 ก.ย.) แสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อิหร่านได้จัดส่งขีปนาวุธทิ้งตัวให้รัสเซีย โดยระบุว่า การกระชับความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นระหว่างเตหะรานกับมอสโกถือเป็นภัยคุกคามต่อยูเครน ยุโรป และตะวันออกกลาง พร้อมเรียกร้องให้นานาชาติเพิ่มความกดดันต่อสองประเทศนี้
ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ของยูเครนมีขึ้นสืบเนื่องจากสื่อดัง 2 ค่ายของอเมริกา ได้แก่ โทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็น และหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานเมื่อวันศุกร์ (6) ว่า อิหร่านได้จัดส่งขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้ให้รัสเซียแล้ว
แม้ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่ามีการจัดส่งขีปนาวุธเมื่อใดแน่ แต่ข่าวนี้ออกมาขณะที่รัสเซียกำลังกระหน่ำโจมตีเมืองต่างๆ ทั่วยูเครนด้วยขีปนาวุธและโดรนอย่างหนัก และยูเครนเองต้องเตรียมพร้อมรับมือการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้า ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวนี้
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ออกมาสำทับเรียกร้องระหว่างการประชุมกลุ่มประเทศที่สัญญาให้การสนับสนุนด้านกลาโหมแก่ยูเครน หรือยูเครน ดีเฟนส์ คอนแท็ก ซึ่งจัดขึ้นที่ค่ายทหารสหรัฐฯ ในเยอรมนี เมื่อวันศุกร์ (6) ว่า ยูเครนจำเป็นต้องได้รับระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วน
ด้านฌอน ซาเว็ตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ แถลงผ่านซีเอ็นเอ็นเมื่อวันศุกร์ว่า การที่อิหร่านส่งมอบขีปนาวุธทิ้งตัวให้รัสเซียจะถือเป็นการยกระดับการสนับสนุนครั้งสำคัญของอิหร่านสำหรับการรุกรานยูเครน และสำทับว่า วอชิงตันเตือนมาตั้งแต่ที่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนเต็มอัตราศึกแล้วเกี่ยวกับการกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน
คำแถลงของเขายังระบุว่า อเมริกาได้ประกาศชัดเจนทั้งในการประชุมสุดยอดของกลุ่มจี7 และของนาโตในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาว่า กลุ่มพันธมิตรตะวันตกเตรียมพร้อมแล้วที่จะตอบโต้การกระทำดังกล่าว
ทั้งนี้ ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ก่อนหน้านี้อิหร่านได้จัดหาโดรนนับร้อยๆ ลูกให้กองทัพรัสเซียใช้ในสงครามยูเครน และรัสเซียกำลังสร้างโรงงานผลิตโดรนในประเทศโดยได้รับความช่วยเหลือจากเตหะราน
นอกจากนั้น สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อเดือนสิงหาคมว่า รัสเซียกำลังรอการจัดส่งขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้แบบเฟธ-360 หลายร้อยลูกจากอิหร่าน ซึ่งคาดว่าจะมาถึงมือรัสเซียในเวลาอันใกล้ โดยที่ทหารรัสเซียหลายสิบนายเข้ารับการฝึกอาวุธนำวิถีด้วยดาวเทียมในอิหร่าน เพื่อนำไปใช้ในสงครามยูเครน
อย่างไรก็ตาม คณะผู้แทนของอิหร่านในสหประชาชาติแถลงปฏิเสธรายงานเรื่องการจัดส่งขีปนาวุธให้รัสเซีย โดยยืนยันว่า จุดยืนของอิหร่านเกี่ยวกับการสู้รบขัดแย้งในยูเครนยังคงเหมือนเดิม คือ การให้ความช่วยเหลือทางการทหารแก่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดซึ่งส่งผลให้มีคนบาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้น โครงสร้างพื้นฐานถูกทำลาย และขัดขวางการเจรจาหยุดยิง ถือเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม ดังนั้น อิหร่านจึงไม่เพียงแต่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำเหล่านั้นเท่านั้น แต่ยังเรียกร้องให้ประเทศอื่นๆ ยุติการจัดหาอาวุธให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในความขัดแย้งนี้ด้วย
ทว่า รายงานของซีเอ็นเอ็นที่อ้างอิงจากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเมื่อเดือนมกราคมระบุว่า รัสเซียเริ่มเจรจาซื้อขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้จากอิหร่านตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว ตอนที่ เซียร์เก ชอยกู ซึ่งเป็นรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียในขณะนั้น เดินทางไปอิหร่านเพื่อดูระบบขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้แบบอบาบิล ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (ไออาร์จีซี)
ต่อมาในเดือนมีนาคม ที่ประชุมซัมมิตของกลุ่มจี7 ออกคำแถลงเตือนว่า การตอบโต้ของนานาชาติจะรวมถึงมาตรการใหม่ขนาดใหญ่ต่ออิหร่าน หากอิหร่านส่งขีปนาวุธให้รัสเซียใช้ในสงครามยูเครน
เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ไออาร์จีซีสาธิตขีปนาวุธทิ้งตัวและระบบสนับสนุนขีปนาวุธในสถานที่ฝึกในอิหร่านต่อคณะผู้แทนของรัสเซีย ซึ่งบ่งชี้ว่า มอสโกต้องการซื้อระบบเหล่านั้น
ก่อนหน้านี้ ซีเอ็นเอ็นยังรายงานว่า รัสเซียได้รับขีปนาวุธและชิ้นส่วนขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ ส่วนจีนก็กำลังช่วยเหลือรัสเซียเพิ่มการผลิตในฐานอุตสาหกรรมการทหารจนเวลานี้อยู่ในระดับที่ส่งเสริมให้แดนหมีขาวสามารถขยายกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมนี้ได้ถึงสูงสุด ภายหลังยุคโซเวียตเป็นต้นมา โดยการสนับสนุนของจีนรวมถึงเครื่องจักร เครื่องยนต์สำหรับโดรนและเครื่องบิน และเทคโนโลยีสำหรับขีปนาวุธร่อน
(ที่มา : ซีเอ็นเอ็น/รอยเตอร์)