เนท ซิลเวอร์ นักวิเคราะห์เลือกตั้งชาวสหรัฐฯ เชื่อว่าโอกาสที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกัน ที่เอาชนะ กมลา แฮร์ริส ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา มีมากกว่าที่ผ่านๆ มา นับตั้งแต่ฝ่ายหลังแถลงเปิดตัวในฐานะตัวแทนพรรคเดโมแครต แทนประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อเดือนกรกฎาคม
แม้ผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักโพลต่างๆ เผยให้เห็นว่า แฮร์ริส มีคะแนนนิยมนำ ทรัมป์ อยู่เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ซิลเวอร์ อ้างเมื่อวันพุธ (4 ก.ย.) ว่า แฮร์ริส มีคะแนนไม่ค่อยดีในผลสำรวจต่างๆ ในระยะหลัง และเวลานี้ ทรัมป์ มีโอกาส 58.2% ที่จะชนะศึกเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน เปรียบเทียบกับ แฮร์ริส ที่มีโอกาส 41.6% ทั้งนี้ช่วงเวลาเดียวกันของสัปดาห์ที่แล้ว แบบวิเคราะห์ของซิลเวอร์ ให้ ทรัมป์ มีโอกาสชนะเลือกตั้ง 52.4% ส่วนโอกาสของแฮร์ริส อยู่ที่ 47.3%
การคาดการณ์ของ ซิลเวอร์ มักถูกสื่อมวลชนหลักๆ ของสหรัฐฯ นำไปรายงานต่อเป็นประจำ และถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผู้ประเมินผลเลือกตั้งที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในประเทศแห่งหนึ่ง วิธีการของเขาเป็นการเก็บตัวอย่างโพลต่างๆ ข้อมูลเศรษฐกิจ แนวโน้มผู้ออกมาใช้สิทธิ และปัจจัยอื่นๆ ในนั้นรวมถึงเสียงสะท้อนหลังการประชุมใหญ่พรรค ซึ่งปกติแล้วมักช่วยเพิ่มคะแนนนิยมแก่แคนดิเดตรายหนึ่งๆ เป็นเวลาหลายสัปดาห์ หลังจากได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการ
พรรคเดโมแครต ให้การรับรอง แฮร์ริส ในฐานะตัวแทนพรรค ณ ที่ปะชุมใหญ่พรรคในชิคาโก เมื่อ 3 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม แฮร์ริส กลับไม่ได้รับแรงเสริมตามปกติเหมือนกับแคนดิเดตรายอื่นๆ เกือบทั้งหมดที่ผ่านมา จากคำอธิบายของซิลเวอร์
ผลสำรวจความคิดเห็นของซีเอ็นเอ็น พบว่า แฮร์ริส และ ทรัมป์ มีคะแนนิยมเสมอกันในรัฐสมรภูมิ 3 จาก 6 แห่ง และมีคะแนนนำราว 5 จุด ในอีก 3 รัฐที่เหลือ ขณะที่โพลของยูโกฟ พบว่าตัวแทนพรรคเดโมแครต มีคะแนนนิยมนำหน้าตัวแทนจากรีพับลิกัน 2 จุด ทั่วประเทศ
ซิลเวอร์ ระบุว่าโพลเหล่านี้จัดทำขึ้นทันทีหลังการประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต ที่ให้การรับรอง แฮร์ริส และ แฮร์ริส ควรมีคะแนนนิยมทิ้งห่างมากนี้ แต่ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
การคาดการณ์ของ ซิลเวอร์ สวนทางกับเหล่าผู้จัดทำโพลอื่นๆ ในนั้นรวมถึง FiveThirtyEight องค์กรด้านวิเคราะห์การเลือกตั้ง ที่เน้นย้ำว่าถ้าการเลือกตั้งมีขึ้นในวันนี้ แฮร์ริส มีโอกาสชนะ 55% ส่วนโอกาสของทรัมป์ อยู่ที่แค่ 44%
อย่างไรก็ตาม โพลแต่ละแห่งอาจชี้นำในทางที่ผิด ยกตัวอย่างเช่นโพลของนิวยอร์กไทม์สเมื่อเดือนที่แล้ว ที่บอกว่า แฮร์ริส จะเอาชนะ ทรัมป์ ด้วยคะแนน 50% ต่อ 46% ในรัฐสมรภูมิทั้งหลายอย่าง วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย และมิชิแกน ทว่าโพลเหล่านั้นเต็มไปด้วยตัวอย่างที่เป็นชาวเดโมแครต และเมื่อมีการปรับแก้ พบว่า แฮร์ริส และ ทรัมป์ เสมอกันในทางสถิติฝนทั้ง 3 รัฐ
สำหรับทั้ง แฮร์ริส และ ทรัมป์ การเอาชนะทั้งเพนซิลเวเนีย ซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 19 เสียง หรือมิชิแกนและวิสคอนซิล ที่มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 25 เสียง ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการคว้าชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
แบบจำลองของซิลเวอร์ พบว่า ทรัมป์ มีคะแนนนิยมนำหน้าในแอริโซนา จอร์เจีย เพนซิลเวเนีย และนอร์ทแคโรไลนา ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายยังคงสูสีใน มิชิแกน ส่วน แฮร์ริส มีคะแนนนิยมนำหน้าในวิสคอนซิน
"ไม่อยากพูดเลยว่า สิ่งแปลกๆ นอกเหนือจากการที่ผู้สมัครรายหนึ่งตกเป็นรองในผลโพล แต่กลับชนะเลือกตั้ง เคยเกิดขึ้นมาแล้วทั้งนั้น" ซิลเวอร์กล่าว
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)