ราคาน้ำมันทรงตัวอยู่ในระดับต่ำสุดรอบ 14 เดือนในวันพฤหัสบดี (5 ก.ย.) จากความกังวลต่ออุปสงค์ในจีนและสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสาน ก่อนหน้าเผยแพร่ข้อมูลภาคแรงงานอันสำคัญ ขณะที่ทองคำขยับขึ้น ตามหลังการอ่อนค่าของดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 0.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 69.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 0.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานในวันพฤหัสบดี (5 ก.ย.) ระบุคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศลดลงถึง 6.9 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 สิงหาคม มากกว่าระดับ 1 ล้านบาร์เรล ที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้อย่างมาก
ขณะเดียวกัน โอเปกพลัสเลื่อนแผนเพิ่มกำลังผลิตสำหรับเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน และบอกว่าพวกเขาอาจเลื่อนเพิ่มเติมและกลับลำแผนเพิ่มกำลังผลิตหากจำเป็น
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันในวันพฤหัสบดี (5 ก.ย.) ถูกฉุดจากความกังวลทางอุปสงค์ในสหรัฐฯ และจีน 2 ชาติผู้บริโภคพลังงานยักษ์ใหญ่ ส่งผลให้ราคาปิดในกรอบแคบๆ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานในวันพฤหัสบดี (5 ก.ย.) ก่อนหน้าอเมริกาเผยแพร่ข้อมูลภาคแรงงานอันสำคัญ ซึ่งจะให้ร่องรอยเกี่ยวกับขนาดการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เช่นเดียวกับสถานะทางเศรษฐกิจของชาติยักษ์ใหญ่แห่งนี้
ดาวโจนส์ ลดลง 219.22 จุด (0.54 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 40,755.75 เอสแอนด์พี ลดลง 16.66 จุด (0.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,503.41 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 43.36 จุด (0.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,127.66 จุด
เวลานี้ทุกสายตาจับจ้องไปที่ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันศุกร์ (6 ก.ย.) หลังจากตัวเลขการจ้างงานที่พลาดเป้าอย่างมากเมื่อเดือนกรกฎาคม ก่อแรงเทขายครั้งใหญ่ช่วงสั้นๆ ในตลาดหุ้นอเมริกา
ส่วนราคาทองคำดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดี (5 ก.ย.) หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 17.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,543.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/บลูมเบิร์ก)