ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนเผยกับ NBC News เมื่อวันอังคาร (3 ก.ย.) ว่าเคียฟมีแผนที่จะยึดครองดินแดนแคว้นคูสก์ (Kursk) ของรัสเซียต่อไป “แบบไม่มีกำหนด” ภายหลังปฏิบัติการโจมตีข้ามแดนแบบสายฟ้าแลบเมื่อเดือนที่แล้วที่ยูเครนมุ่งหมายบีบให้ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียต้องยอมเดินเข้าสู่โต๊ะเจรจา
“เราไม่ได้ต้องการดินแดนของพวกเขา และไม่ได้ต้องการเอาวิถีชีวิตของคนยูเครนไปยัดเยียดให้คนที่นั่น” เซเลนสกี กล่าว พร้อมย้ำว่าที่ยูเครนต้องยึดดินแดนในแคว้นคูสก์ไว้ก็เพราะเป็นส่วนหนึ่งของ “แผนแห่งชัยชนะ” ที่จะนำไปสู่การยุติสงคราม ซึ่งตัวเขาเองเตรียมจะเสนอให้หุ้นส่วนนานาชาติรวมถึงสหรัฐฯ ได้พิจารณาเร็วๆ นี้
“เราจำเป็นต้องมีมันในตอนนี้” ผู้นำยูเครนกล่าว
เมื่อเกือบ 1 เดือนมาแล้ว กองทัพยูเครนได้กระทำภารกิจลับบุกจู่โจมเข้าไปในแคว้นคูสก์ของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการท้าทายสถานะปัจจุบัน (status quo) ที่เป็นอยู่ในสงครามที่ยืดเยื้อมานาน 2 ปีครึ่ง และเวลานี้ยูเครนอ้างว่าสามารถควบคุมพื้นที่ในแคว้นคูสก์ไว้ได้เกือบ 500 ตารางไมล์ และยังคุมตัว “เชลยศึก” ชาวรัสเซียเอาไว้อีกหลายร้อยคน
เซเลนสกี อธิบายว่า ปฏิบัติการโจมตีแคว้นคูสก์เมื่อวันที่ 6 ส.ค. คือ “การชิงโจมตีก่อน” เพื่อสกัดไม่ให้รัสเซียสามารถสร้าง “พื้นที่กันชน” ตลอดแนวพรมแดนที่ติดกับยูเครน
ผู้นำยูเครนปฏิเสธที่จะเผยรายละเอียดเชิงลึกว่ายูเครนมีแผนที่จะยึดดินแดนรัสเซียเพิ่มเติมอีกหรือไม่
“ผมบอกไม่ได้เรื่องนี้ ขอโทษด้วย” เซเลนสกี กล่าว
“ด้วยเหตุผลต่างๆ ทำให้ผมยังพูดไม่ได้ แต่ผมคิดว่าความสำเร็จอยู่ใกล้เกินคาด”
เขายืนยันกับ NBC News ว่า รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ “ไม่รู้ล่วงหน้า” เรื่องที่ยูเครนจะบุกดินแดนรัสเซีย และปฏิบัติการดังกล่าวถือเป็น “ความลับสุดยอด” แม้แต่ในยูเครนเองก็ตาม
“ใช่ เราไม่ได้บอกใครเลย และมันไม่เกี่ยวกับเรื่องของความไว้เนื้อเชื่อใจ” เซเลนสกี กล่าว พร้อมเสริมว่าปฏิบัติการโจมตีโต้กลับ (counteroffensive) ของยูเครนเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วล้มเหลวในหลายด้านเนื่องจากถูกป่าวประกาศและพูดถึงมากเกินไป จนทำให้รัสเซียมีโอกาสเตรียมตัวรับมือได้
เซเลนสกี บอกด้วยว่า ครั้งนี้แม้แต่หน่วยข่าวกรองของยูเครนเองก็ยัง “ไม่รู้” เรื่องแผนการบุกแคว้นคูสก์
แม้จะถูกมองว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของยูเครนในการตีโต้รัสเซีย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายูเครนเองก็ยังคงสูญเสียดินแดนทางตะวันออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยกองทัพรัสเซียนั้นกำลังค่อยๆ รุกคืบเข้าไปใกล้จนเกือบจะสามารถยึดเมืองศูนย์กลางโลจิสติกส์อย่าง Pokrovsk และ Toretsk ในภูมิภาคโดเนตสก์ได้แล้ว
เซเลนสกี กล่าวว่า หนึ่งในเป้าหมายของการบุกแคว้นคูสก์ก็คือการบีบให้มอสโกถอนทหารออกจากพื้นที่แนวหน้าระยะทาง 600 ไมล์ในยูเครน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ทางตะวันออก แต่ถึงแม้ว่า เซเลนสกี จะอ้างว่าปฏิบัติการครั้งนี้ทำให้รัสเซียต้องเบี่ยงกำลังพลถึง 60,000 นายออกจากยูเครนเพื่อไปปกป้องแคว้นคูสก์ ทว่าจำนวนทหารรัสเซียที่ Pokrovsk นั้นแทบจะไม่ลดลงเลย
ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แถลงเมื่อวันจันทร์ (2) ว่า กองกำลังรัสเซียในภาคตะวันออกยูเครนเริ่มรุกคืบได้เร็วยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา
ผ่านมานานกว่า 30 เดือนหลังจากที่รัสเซียเริ่มเปิดปฏิบัติการรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ปี 2022 เวลานี้มอสโกยังคงสามารถยึดดินแดนยูเครนเอาไว้ได้ถึง 1 ใน 5 ขณะที่เมืองและหมู่บ้านต่างๆ ในยูเครนก็ยังคงถูกทิ้งระเบิดโจมตีแทบไม่เว้นแต่ละวัน โดยล่าสุดที่เมือง Poltava ทางตอนกลางก็เพิ่งเผชิญกับการโจมตีเมื่อวันอังคาร (3) ที่คร่าชีวิตพลเรือนไปอย่างน้อย 51 ราย
ที่มา : NBC News