สหรัฐฯ ใกล้ได้ข้อตกลงหนึ่ง ซึ่งจะเปิดทางให้ยูเครนใช้งานขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลที่สามารถโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย แต่เคียฟต้องรออีกนานหลายเดือน เนื่องจากอเมริกาจำเป็นต้องสะสางประเด็นทางเทคนิคต่างๆ ก่อนมีการส่งมอบ ตามรายงานข่าวของรอยเตอร์อ้างอิงพวกเจ้าหน้าที่อเมริกา
แหล่งข่าว 3 ราย เปิดเผยกับรอยเตอร์ คาดการณ์ว่าจะมีการรวมขีปนาวุธร่อน JASSM ในแพกเกจอาวุธหนึ่ง ซึ่งคาดหมายว่าจะมีการแถลงออกมาในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ แม้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายใดๆ
การส่งขีปนาวุธ JASSM แก่ยูเครน จะเป็นการเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางยุทธศาสตร์อย่างมีนัยสำคัญของความขัดแย้ง โดยมันจะเป็นการทำให้รัสเซียอยู่ในพิสัยการโจมตีของกระสุนนำวิถีที่ทรงอานุภาพและแม่นยำ แม้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยแสดงความกังวลว่าการไฟเขียวใดๆ ที่ให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลของตะวันตกโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย อาจทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย และนำมาซึ่งการที่ทหารสหรัฐฯ ถูกลากเข้าร่วมวงความขัดแย้ง
มอสโก วิพากษ์วิจารณ์มาช้านานต่อกรณีที่ตะวันตกมอบความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน และเตือนเกี่ยวกับการอนุญาตให้ยูเครนโจมตีลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซีย โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เคยบอกก่อนหน้านี้ การโจมตีดังกล่าวจะเทียบเท่ากับว่าตะวันตกเข้าร่วมวงความขัดแย้งโดยตรง
มีความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าสถานการณ์จะลุกลามบานปลายเข้าสู่สงครามนิวเคลียร์ แม้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ปูติน ออกมากล่าวยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อการันตีชัยชนะในยูเครน ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยมีมาว่า การสู้รบขัดแย้งครั้งนองเลือดที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมานี้จะไม่ลุกลามบานปลายไปสู่สงครามนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ (1 ก.ย.) เซอร์เก รยาคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่ารัสเซียจะทำการเปลี่ยนแปลงหลักการของการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ในความเคลื่อนไหวตอบโต้สิ่งที่เขามองว่าตะวันตกกำลังทำให้สงครามในยูเครนลุกลามบานปลาย
พวกนักวิเคราะห์ทางทหารบ่งชี้ว่าการเปิดตัวขีปนาวุธ JASSM ซึ่งเป็นอาวุธล่องหนและสามารถโจมตีได้ไกลกว่าขีปนาวุธอื่นๆทั้งหมดที่อยู่ในคลังแสงของยูเครนในปัจจุบัน อาจผลักให้พื้นที่เตรียมการและคลังเสบียงของรัสเซียต้องล่าถอยไปหลายร้อยกิโลเมตร ซึ่งมันจะก่อความยุ่งยากซับซ้อนอย่างรุนแรงแก่ศักยภาพของรัสเซีย ในการสนับสนุนปฏิบัติการรุรานและมีความเป็นไปได้ว่าจะมอบความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์แก่ยูเครน
การยิงขีปนาวุธดังกล่าวออกจากฐานที่ตั้งใกล้ชายแดนทางเหนือของยูเครนติดกับรัสเซีย อาจเปิดทางให้ขีปนาวุธเหล่านั้นพุ่งเข้าเล่นงานที่ตั้งทางทหารที่อยู่ห่างออกไป อย่างเช่นในเมืองโวโรเนซช์ และบรีแยนสก์ของรัสเซีย ส่วนในทางใต้ การประจำการขีปนาวุธนี้ใกล้แนววหน้าอาจเปิดทางสำหรับโจมตีสนามบินต่างๆ หรือที่ตั้งของกองทัพเรือในไครเมีย
จนถึงตอนนี้ขีปนาวุธ JASSM สามารถใช้งานได้ร่วมกับเครื่องบินที่ออกแบบโดยสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ท้ายที่สุดแล้ว ยูเครนจะมีเครื่องบิน F-16 หลายสิบลำในประจำการ ซึ่งแต่ละลำสามารถติดตั้งขีปนาวุธร่อนรุ่นนี้ได้ 2 ลูก
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งเปิดเผยว่ามีความพยายามเช่นกัน ที่ทำให้ขีปนาวุธรุ่นนี้สามารถใช้งานกับฝูงบินขับไล่ที่ไม่ได้ผลิตโดยตะวันตก ที่มีอยู่ในคลังแสงของยูเครน แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าเครื่องบินในคลังแสงของยูเครนรุ่นใดที่อาจใช้งานร่วมกับขีปนาวุธ JASSM โดยเครื่องบินรบที่ยูเครนมีในประจำการ ประกอบด้วย MiG-29, Su-24 และ Su-27 ซึ่งล้วนเป็นเครื่องบินเก่าเก็บสมัยสหภาพโซเวียต
เว็บไซต์ข่าว Politico เคยรายงานเมื่อเดือนที่แล้ว ว่ารัฐบาลของไบเดน เปิดกว้างสำหรับมอบขีปนาวุธ JASSM แก่ยูเครน เนื่องจากยูเครนมีความจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ต้องมีอาวุธที่ทรงอานุภาพมากกว่าเดิม ในขณะที่เคียฟยังคงเผชิญแรงกดดันอย่างหนักหน่วงจากกองกำลังของรัสเซีย ตามแนวหน้าทางตะวันออกของประเทศ
ขีปนาวุธ JASSM รุ่นเก่า ที่ผลิตโดยล็อคฮีด มาร์ติน มีพิสัยทำการราวๆ 370 กิโลเมตร มันถูกออกแบบมาให้ล่องหนได้ ยากต่อตรวจจับโดยเรดาร์ นอกจากนี้แล้วขีปนาวุธรุ่นนี้ยังสามารถบินในระดับต่ำเฉียดใกล้กับพื้นดิน และสามารถกำหนดโปรแกรมให้บินลดเลี้ยวเพื่อหลีกเลี่ยงระบบป้องกันภัยทางอากาศ
นอกจากนี้ ยังมีขีปนาวุธ JASSM อีกรุ่น ที่สามารถพุ่งเป็นระยะทางได้ไกลกว่า 500 ไมล์ (ราว 804 กิโลเมตร) อย่างไรก็ตามรอยเตอร์ไม่สามารถยืนยันว่ารุ่นไหนที่อยู่ภายใต้การพิจารณาของวอชิงตัน แต่การมอบขีปนาวุธรุ่นที่มีพิสัยใกล้กว่า จะกระทบต่อคลังแสงพวกเขาน้อยกว่าเช่นกัน
การมอบขีปนาวุธ JASSM แก่ยูเครน จะก่อแรงกดดันเพิ่มเติมเช่นกันให้วอชิงตัน ต้องลดข้อจำกัดต่างๆ ที่กำหนดกับเคียฟ ต่อการใช้อาวุธของสหรัฐฯ เนื่องจากประสิทธิภาพของขีปนาวุธนี้จะถูกจำกัด หากไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการใช้เล็งเป้าเล่นงานเป้าหมายต่างๆภายในรัสเซีย จากความเห็นของเจ้าหน้าที่สภาคองเกรสรายหนึ่ง ซึ่งกำลังทำงานในประเด็นนี้
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ลังเลที่จะมอบอาวุธพิสัยไกลแก่ยูเครน ที่สามารถโจมตีลึกเข้าไปภายในดินแดนรัสเซีย เนื่องจากเกรงว่ามันจะขยายวงความขัดแย้ง บรรดาพันธมิตรของเคียฟได้จัดหาอาวุธให้ภายใต้ข้อจำกัดเกี่ยวกับแนวทางการใช้ สืบเนื่องจากความกังวลว่าการโจมตีลักษณะดังกล่าว อาจกระตุ้นการแก้แค้นที่ลากประเทศสมาชิกนาโตเข้าสู่สงคราม หรือไม่ก็โหมกระพือความขัดแย้งทางนิวเคลียร์
(ที่มา : รอยเตอร์)