มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 ราย และบาดเจ็บ 271 คน หลังรัสเซียโจมตีสถาบันทางทหารแห่งหนึ่ง ในเมืองโพลตาวา ทางภาคกลางของยูเครน ด้วยขีปนาวุธ 2 ลูก ในวันอังคาร (3 ก.ย.) ถือเป็นการโจมตีรอบเดียวที่นองเลือดที่สุดของปีนี้ ในสงครามระหว่างมอสโกกับเคียฟ
ภาพถ่ายที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ พบเห็นร่างไร้วิญญาณของคนหนุ่มหลายคนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ปกคลุมไปด้วยฝุ่นและเศษซากต่างๆ พร้อมกับภาพอาคารขนาดใหญ่หลังหนึ่งอยู่ที่เบื้องหลังของพวกเขา อยู่ในสภาพที่ได้รับความเสียหายอย่างเลวร้าย อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ไม่ยืนยันว่าภาพนี้เป็นของจริงหรือไม่
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวผ่านเทเลแกรม ว่า "พวกเศษสวะรัสเซียจะถูกหาตัวจนเจอ เพื่อมารับโทษจากเหตุโจมตีนี้" ทั้งนี้เขาได้ออกคำสั่งให้ลงมือสืบสวนในทันที และบอกว่าการโจมตีก่อความเสียหายแก่สถาบันการสื่อสารของกองทัพ
ระหว่างการปราศรัยในเวลาต่อมาในช่วงค่ำ เซเลนสกี ระบุยอดผู้เสียชีวิตที่ 51 คน "เป็นที่ทราบกันว่ามีผู้คนอยู่ใต้ซากปรักหักพังของอาคารที่ถูกทำลาย จะทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อปกป้องชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
หน่วยฉุกเฉินให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ 50 คน ขณะที่ ฟิลิป โพรนิน ผู้ว่าการแคว้นโพลตาวา คาดการณ์ว่าอาจยังมีอีก 15 คนที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
กองทัพยูเครนยอมรับว่ามีบุคลากรทางทหารเสียชีวิตด้วย แต่ไม่ระบุอย่างเจาะจงว่าในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้นมีบุคลากรของกองทัพมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม การโจมตีครั้งนี้ก่อความเสียหายร้ายแรงแก่เคียฟ ในขณะที่พวกเขากำลังหาทางเสริมศักยภาพในการสกัดศัตรูที่มีแสนยานุภาพมากกว่า
"กองบัญชาการกองกำลังภาคพื้นกำลังดำเนินการสืบสวนเพื่อสรุปว่ามีการดำเนินการต่างๆ อย่างเพียงพอหรือไม่ ในการปกป้องชีวิตและสุขภาพของทหาร ณ สถาบันดังกล่าว" ถ้อยแถลงระบุ
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน ชี้ว่าการใช้ขีปนาวุธ ซึ่งสามารถโจมตีเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรภายในเวลาไม่กี่นาที นั่นหมายความว่าเหยื่อมีเวลาเพียงเล็กน้อยในการหาที่กำบัง หลังจากเสียงไซเรนดังขึ้น
"นี่คือเรื่องเศร้าอันน่าตกตะลึงสำหรับชาวยูเครนทั้งมวล ศัตรูโจมตีสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งและโรงพยาบาลหนึ่ง" โอลีนา เซเลนสกี สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของยูเครน เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ทางรัสเซียยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการโจมตีดังกล่าว
รัสเซียยกระดับโจมตียูเครน ด้วยขีปนาวุธและโดรนหนักหน่วงขึ้น หลังจากปฏิบัติการรุกรานลากยาวมานานกว่า 2 ปีครึ่ง และเลี้ยวเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียโจมตีทางอากาศเล่นงานยูเครนหนักที่สุดเท่าที่เคยมีมา และในวันจันทร์ (2 ก.ย.) ได้ยิงขีปนาวุธแบบทิ้งตัวและขีปนาวุธร่อน เล็งเป้าหมายเล่นงานกรุงเคียฟ ก่อให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว
ขณะเดียวกัน ยูเครนก็เล่นงาน รัสเซีย ด้วยโดรนมากกว่า 158 ลำ ในช่วงสุดสัปดาห์ ก่อความเสียหายแก่โรงกลั่นน้ำมันใกล้มอสโกและสถานีโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่ง
การสู้รบหนักหน่วงขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา กองกำลังรัสเซียรุกคืบอย่างต่อเนื่องในภาคตะวันออกของยูเครน ส่วนเคียฟยกระดับการจู่โจมข้ามชายแดนขนานใหญ่เป็นครั้งแรก รุกเข้าสู่ดินแดนรัสเซีย กระตุ้นให้มอสโกออกมาประกาศแก้แค้นสำหรับการรุกรานเข้าสู่แคว้นคูร์สก์
เซเลนสกี ส่งเสียงเรียกร้องซ้ำๆ ร้องขอระบบป้องกันภัยทงอากาศจากตะวันตก และเร่งเร้าให้พันธมิตรอนุญาตให้ใช้อาวุธพิสัยไกลที่มอบให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
ในเมืองโพลตาวา โฆษกกระทรวงกลาโหมยูเครน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐว่า สถาบันทหารดังกล่าวอยู่ระหว่างการเรียนการสอนตอนที่ถูกโจมตี และเผยว่าสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นตอนราว 9.08 น.ตามเวลาท้องถิ่น กระตุ้นให้ผู้คนรุดหาที่หลบภัย "ไม่กี่นาทีหลังสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้น เสียงระเบิดก็ดังตูมตามเป็นชุดๆ" พร้อมชี้แจงว่าไม่มีการเดินสวนสนามใดๆ ในช่วงเวลาดังกล่าว
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ รัสเซีย โจมตีที่ตั้งทางทหารของยูเครน ที่อยู่ห่างไกลจากแนวหน้า ก่อความสูญเสียจำนวนมาก โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2022 รัสเซีย เผยว่าพวกเขาโจมตีสนามฝึกแห่งหนึ่งสำหรับทหารกองหนุนในเมืองเดสนา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 87 ราย และในเดือนมีนาคมปีนี้ มีผู้เสียชีวิต 35 ราย ในปฏิบัติการโจมตีของรัสเซีย เล่นงานฐานทัพทหารแห่งหนึ่งทางตะวันตกของยูเครน
(ที่มา : รอยเตอร์)