เคียฟทำการโจมตีด้วยโดรนเล่นงานรัสเซีย ครั้งใหญ่ที่สุดหนหนึ่งนับตั้งแต่สงครามเต็มรูปแบบเริ่มต้นขึ้น เล็งเป้าเล่นงานโรงไฟฟ้าและโรงกลั่นน้ำมันเมื่อคืนวันเสาร์ (31 ส.ค.) แต่ขณะเดียวกัน กองกำลังมอสโกสามารถรุกคืบได้เพิ่มเติม เข้าหาเมืองหลักแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกของยูเครน จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันอาทิตย์ (1 ก.ย.)
การโจมตีของเคียฟยังมีขึ้นในขณะที่รัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีเมืองคาร์คิฟ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 40 ราย ในนั้นรวมถึงเด็ก 5 คน กระตุ้นให้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ส่งเสียงเรียกร้องครั้งใหม่ขอให้เหล่าพันธมิตรอนุญาตให้เคียฟใช้ขีปนาวุธที่ตะวันตกมอบให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนศัตรูและลดภัยคุกคามของการโจมตี
การสู้รบมาถึงทางแยกสำคัญในความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมากกว่า 2 ปีครึ่ง โดยรัสเซียเดินหน้ากดดันรุกคืบทางภาคตะวันออกของยูเครน แต่ขณะเดียวกันก็กำลังพยายามขับไล่กองกำลังเคียฟที่ทะลวงชายแดนทางตะวันตกเข้ามา ในปฏิบัติการรุกรานที่สร้างความประหลาดใจเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียถล่มยูเครนด้วยปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้น เล่นงานที่ตั้งทางพลังงาน ส่วนใหญ่ในยุทธการระดมยิงห่าขีปนาวุธและโดรน ที่สังหารพลเรือนและทหารไปแล้วหลายพันราย นับตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายยูเครน ซึ่งอุตสาหกรรมโดรนภายในประเทศเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็ยกระดับการโจมตีใส่สาธารณูปโภคด้านทางพลังงาน ทางทหารและการขนส่งของรัสเซียเช่นกัน นอกจากนี้ เคียฟยังกดดันสหรัฐฯ และพันธมัตรอื่นๆ ให้อนุญาตให้พวกเขาใช้อาวุธที่ทรงอานุภาพกว่าเดิมที่ได้รับมอบจากตะวันตก ในการก่อความเสียใหญ่หลวงภายในดินแดนรัสเซีย และกำจัดศักยภาพการโจมตีเล่นงานยูเครนของมอสโก
"ทุกขุมกำลังที่จำเป็นของเราสำหรับปฏิบัติการกู้ภัยถูกส่งเจ้าไปแล้ว" เซเลนสกีกล่าวผ่านช่องเทเลแกรม ตอบสนองจากเหตุโจมตีคาร์คิฟ ที่ทางพกเจ้าหน้าที่บอกว่าเกี่ยวข้องกับขีปนาวุธอย่างน้อย 10 ลูก และโจมตีที่ตั้งต่างๆ ในนั้นรวมถึงห้างสรรพสินค้า
เซเลนสกีกล่าวต่อว่า "และทุกขุมกำลังที่จำเป็นของโลกต้องเข้ามาหยุดก่อการร้ายนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นกองกำลังพิเศษ แต่ต้องมีความกล้าหาญเพียงพอในส่วนพวกผู้นำ กล้าหาญเพียงพอที่จะมอบสิ่งที่จำเป็นแก่ยูเครน สำหรับใช้ในการป้องกันตนเอง"
ในคาร์คิฟ ทีมกู้ภัยและอาสาสมัครช่วยกันหามผู้ได้รับบาดเจ็บขึ้นรถฉุกเฉิน หลังขีปนาวุธพุ่งโดรนห้างสรรพสินค้าและอาคารจัดกิจกรรมแห่งหนึ่ง พบเห็นเศษกระจกและเศษซากต่างๆ กระจัดกระจายทั่วพื้น และผู้คนหลบหนีไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อความปลอดภัย
ก่อนหน้านั้น พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียบอกว่าหน่วยป้องกันภัยทางอากาศของพวกเขาทำลายโดรน 158 ลำที่ปล่อยออกมาจากยูเครนเมื่อค่ำคืนวันเสาร์ (31 ส.ค.) และเศษซากของมันก่อให้เกิดไฟลุกไหม้ที่โรงกลั่นน้ำมันในมอสโก และ ณ สถานีไฟฟ้าโคนาโคโว ในแคว้นตเวียร์ที่อยู่ติดกัน
ความเคลื่อนไหวของยูเครนมีขึ้นหลังจากเซเลนสกีเผยว่าแค่สัปดาห์ที่แล้วสัปดาห์เดียว รัสเซียใช้ขีปนาวุธ 160 ลูก ระเบิดทางอากาศนำวิถี 780 ลูก และโดรนมากกว่า 400 ลำ โจมตีเมืองต่างๆ และทหารทั่วยูเครน
เขาเรียกร้องตะวันตกให้ "อนุมัติการโจมตีพิสัยไกลเล่นงานที่ตั้งของฐานยิงขีปนาวุธในรัสเซีย ทำลายโลจิสติกส์ทางทหารของรัสเซีย และเข้าร่วมในการสอยขีปนาวุธและโดรนของรัสเซีย"
ที่ผ่านมา บรรดาพันธมิตรของเคียฟกังวลว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย จะตอบโต้หากว่าอาวุธของพวกเขาถูกใช้โจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
ในภาคตะวันออกของยูเครน บริเวณที่มีการสู้รบหนักหน่วง ทางกองกำลังรัสเซียยังคงรุกคืบเข้าหาเมืองโปครอฟสก์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางทหารและการขนส่งที่สำคัญ ที่เชื่อมหมู่บ้านและเมืองต่างๆ ขึ้นไปทางเหนือ
ยูเครนหวังว่าการรุกรานอย่างน่าประหลาดใจเข้าสู่แคว้นเคิร์สก์ของรัสเซียเมื่อเดือนที่แล้ว จะบีบให้รัสเซียโยกย้ายกำลังทหารและปลดปล่อยแรงกดดันพ้นจากกำลังทหารของพวกเขาที่ถูกปิดล้อมทางตะวันออก อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่ามันยังไม่ส่งผลกระทบใดๆ
กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุในวันอาทิตย์ (1 ก.ย.) กองกำลังของพวกเขาสามารถบุกยึดถิ่นฐานได้เพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ในแคว้นโดเนตสก์ และกำลังรุกคืบเพิ่มเติมเข้าไปในแนวป้องกันของศัตรู หนึ่งในนั้นคือชุมชน Ptyche ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองโปครอฟสก์ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้แค่ 21 กิโลเมตร
โอเล็กซานดร์ ซีร์สกี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของยูเครน ยอมรับว่าสถานการณ์แถวๆ แนวโจมตีหลักของรัสเซีย ในภาคตะวันออกของยูเครนเป็นไปอย่าง "ยากลำบาก"
(ที่มา : รอยเตอร์)