ยางล้อของเครื่องบินโบอิ้งลำหนึ่งเกิดระเบิด ณ ท่าอากาศยานนานาชาติฮาร์ทส์ฟิลด์-แจ็กสัน แอตแลนตา เมื่อวันอังคาร (27 ส.ค.) ปลิดชีพพนักงาน 2 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 คน ตามรายงานของสื่อมวลชนสหรัฐฯ เบื้องต้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอะไรคือสาเหตุ
เครื่องบินโบอิ้ง 757-232 ซึ่งเป็นของสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ส อยู่ระหว่างซ่อมบำรุง ณ โรงเก็บเครื่องบินศูนย์ปฏิบัติการซ่อมบำรุงทางเทคนิคของเดลตา มาตั้งแต่วันอาทิตย์ (25 ส.ค.) ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าอะไรเป็นสาเหตุของยางระเบิด แต่แหล่งข่าวเปิดเผยกับฟ็อกซ์นิว 5 แอตแลนตา ว่าในตอนเกิดเหตุนั้น ได้มีการถอดล้อออกมาจากเครื่องบินแล้ว
สำนักข่าว WSB-TV สื่อมวลชนท้องถิ่นของสหรัฐฯ รายงานว่า "แรงระเบิดส่งให้เศษเหล็กปลิวยังกับขีปนาวุธ ปลิดชีพพนักงาน 2 คนในทันที ส่วนอีกคนถูกรุดพาตัวส่งโรงพยาบาล ด้วยอาการสาหัส"
ทั้งนี้ สำนักงานชันสูตรศพเคลย์ตัส เคาน์ตี ระบุตัวตนเหยื่อ ได้แก่ เมอร์โก มาร์เวก วัย 58 ปี และหลุยส์ อัลดารอนโด วัย 37 ปี
จอห์น ลากช์เตอร์ ประธานและหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของ Delta TechOps ยืนยันการเสียชีวิตของพนักงาน 2 ราย "น่าเศร้า ทีมงานของเรา 2 คนที่เกี่ยวข้องต้องมาจากไป และอีก 1 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส" ถ้อยแถลงที่เผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน พร้อมเสนอมอบแรงสนับสนุนแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและสัญญาว่าจะทำการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โบอิ้งต้องเผชิญกับการพินิจพิเคราะห์อย่างเข้มข้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากข้อบกพร่องต่างๆ ที่พบในเครื่องบินของพวกเขา นำมาซึ่งความกังวลด้านความปลอดภัยและการสืบสวน โดยล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ ทางบริษัทต้องระงับการทดสอบเครื่องบิน 777X หลังพบข้อบกพร่องในส่วนสำคัญของเที่ยวบินทดสอบ 3 จาก 4 เที่ยว
ในเดือนที่แล้ว ทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นข้อต่อรองการรับสารภาพในคดีหนึ่งที่ทำการฟ้องร้องโบอิ้ง เข้าสู่ขั้นท้ายๆ ของเรื่องราวทางกฎหมายที่ยืดเยื้อยาวนาน อันสืบเนื่องจากมีผู้ออกมาแฉ 2 ราย ที่เวลานี้เสียชีวิตแล้ว
โบอิ้งยอมรับสารภาพผิดในข้อหาหลอกลวงที่นำไปสู่การเข้าใจผิดของคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบสหรัฐฯ และพยายามปกปิดข้อบกพร่องที่พบในระบบรักษาความเสถียรของเครื่องบิน MCAS โดยทางบริษัทไม่ได้แจ้งหรือฝึกฝนสายการบินต่างๆ เกี่ยวกับระบบดังกล่าว ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดโศกนาฏกรรม 2 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยวกันในปี 2018 และ 2019 ปลิดชีพลูกเรือและผู้โดยสารรวมกันเกือบ 350 คน
ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมการบินแห่งนี้ ยินยอมจ่ายค่าปรับ 243.6 ล้านดอลลาร์ และลงทุนเพิ่มเติมอีก 455 ล้านดอลลาร์ ในโครงการด้านความปลอดภัยและข้อบังคับในช่วง 3 ปีข้างหน้า
ข้อตกลงนี้ยังระบุถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามตรวจสอบอิสระที่จะจัดทำและเปิดเผยรายงานความคืบหน้าในการปฏิบัติตามข้อบังคับของโบอิ้งเป็นประจำทุกปีนาน 3 ปี และอาจขยายออกไปอีก 1 ปีหากโบอิ้งไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข และในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวโบอิ้งยังต้องถูกภาคทัณฑ์อีกด้วย
(ที่มา : นิวยอร์กโพสต์/อาร์ทีนิวส์)