รัสเซียเตือนตะวันตกจุดไฟสงครามโลกครั้งที่สาม บอกอเมริกาด้วยว่าจะไม่จำกัดวงเฉพาะยุโรป ด้านเซเลนสกี้คุยเตรียมส่งแผนพิชิตศึกหมีขาวให้ไบเดนเห็นชอบ

มอสโกเตือนเดือด ตะวันตกกำลังเล่นกับไฟ ด้วยการชั่งใจอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่จัดหาให้โจมตีลึกเข้าสู่ดินแดนรัสเซีย พร้อมกับบอกอเมริกาด้วยว่า สงครามโลกครั้งที่สามจะไม่จำกัดวงอยู่เฉพาะในยุโรปเท่านั้น ขณะที่ทางด้านเซเลนสกี้คุยเตรียมส่งแผนการยูเครนพิชิตสงครามคราวนี้ ซึ่งครอบคลุมถึงความสำเร็จในการบุกแคว้นคูร์สก์ของแดนหมีขาวด้วย ไปให้ไบเดนพิจารณา รวมทั้งจะหารือกับ กมลา แฮร์ริส และ โดนัลด์ ทรัมป์

ยูเครนบุกข้ามแดนเข้าไปโจมตีแคว้นคูร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซียตั้งแต่วันที่ 6 ที่ผ่านมา และสามารถควบคุมดินแดนส่วนเล็กๆ ในแคว้นดังกล่าว โดยทางด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศตอบโต้อย่างสาสมต่อปฏิบัติการของเคียฟซึ่งถือเป็นการโจมตีรัสเซียโดยกองกำลังต่างชาติครั้งใหญ่ที่สุดนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2

ในวันอังคาร (27 ส.ค.) เซียร์เก ลาฟรอฟ ที่รับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลปูตินมากว่า 20 ปี แถลงว่า ตะวันตกกำลังพยายามยั่วยุให้สงครามยูเครนลุกลามและ “หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว” ด้วยการพิจารณาคำขอของยูเครนให้ผ่อนคลายคำสั่งห้ามใช้อาวุธที่ต่างชาติจัดหาให้ มาโจมตีใส่ดินแดนรัสเซีย

ทั้งนี้นับจากบุกยูเครนตอนต้นปี 2022 ปูตินย้ำเตือนอยู่เรื่องเกี่ยวกับความเสี่ยงที่สงครามนี้จะลุกลาม และเกี่ยวข้องกับการเผชิญหน้ากันของพวกมหาอำนาจนิวเคลียร์รายใหญ่ที่สุดของโลก ถึงแม้ยืนยันว่า รัสเซียไม่ต้องการให้เกิดการสู้รบขัดแย้งกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่อเมริกาเป็นแกนนำก็ตามที

ในครั้งนี้ ลาฟรอฟเตือนว่า พวกชาติตะวันตกทำตัวเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ชอบเล่นไม้ขีดไฟ แต่การเล่นกับไฟนั้นเป็นเรื่องอันตรายมาก แม้กระทั่งสำหรับบรรดาผู้ใหญ่ระดับลุงๆ ป้าๆ โดยที่ฝ่ายตะวันตกเวลานี้ยังมีการมอบความไว้วางใจในเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ให้แก่ประเทศตะวันตกด้วยกันรายอื่นๆ อีกด้วย

เขาบอกด้วยว่า พวกอเมริกันชอบพูดจาฉะฉานในเวลาสนทนาเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 3 ว่า ถ้าหากมันจะเกิดขึ้นมา ก็จะกระทบกับยุโรปเท่านั้น พร้อมกับย้ำว่า รัสเซียได้ประกาศหลักนิยมเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ออกมาอย่างชัดเจนแล้ว

ทั้งนี้ หลักนิยมด้านนิวเคลียร์ปี 2020 ของรัสเซีย ซึ่งเป็นการอัปเดตแก้ไขครั้งล่าสุด กำหนดว่า ประธานาธิบดีจะพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธทำลายล้างสูงอื่นๆ หรืออาวุธธรรมดาที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ซึ่งคุกคามการดำรงอยู่ของรัสเซีย

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน เคยแถลงก่อนหน้านี้ในเดือนนี้ว่า การที่เคียฟสามารถบุกโจมตีเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซียได้เช่นนี้ เป็นเครื่องแสดงให้เห็นแล้วว่า คำขู่ของเครมลินที่ว่าจะตอบโต้แก้แค้นอย่างรุนแรงนั้นเป็นเพียงการบลั๊ฟกันเท่านั้น

เซเลนสกี้ยังโอดครวญว่า เพราะพวกชาติพันธมิตรตะวันตกตั้งเงื่อนไขจำกัดการใช้อาวุธที่ส่งให้แก่ยูเครน ทำให้เคียฟไม่อาจใช้อาวุธที่มีอยู่โจมตีใส่เป้าหมายทางทหารรัสเซียซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในดินแดนหมีขาวได้ พร้อมกับรบเร้าชาติพันธมิตรให้ตัดสินด้วยความห้าวหาญกว่านี้ในการช่วยเหลือยูเครนในสงครามครั้งนี้

วันในอังคาร (27) เช่นกัน เซียร์เก นาริชกิน ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์ว่า มอสโกไม่เชื่อคำพูดของตะวันตกว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการโจมตีคูร์สก์ ขณะที่ เซียร์เก ไรยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ก็ขานรับว่า เห็นได้ชัดมากว่า อเมริกามีเอี่ยวกับเรื่องนี้

รัสเซียยังระบุว่า ยูเครนใช้อาวุธของตะวันตก เช่น รถถังอังกฤษและระบบจรวดของอเมริกาในคูร์สก์ ซึ่งเมื่อไม่กี่วันมานี้เคียฟยืนยันว่า ใช้ระบบขีปนาวุธหลายลำกล้อง HIMARS ของอเมริกาทำลายสะพานหลายแห่งในคูร์สก์

นอกจากนั้นนิวยอร์กไทมส์ยังรายงานว่า อเมริกาและอังกฤษส่งภาพถ่ายดาวเทียมและข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับแคว้นคูร์สก์ให้ยูเครนไม่กี่วันหลังปฏิบัติการโจมตีแคว้นนี้

ในอีกด้านหนึ่ง เซเลนสกี้ กล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคาร (27) ว่า สงครามที่ทำกับรัสเซียลงท้ายจะยุติลงด้วยการเจรจา ทว่าเคียฟต้องการที่อยู่ในฐานะฐานะที่แข็งแกร่งในเวลาที่จะเจรจากัน และเขาจะเสนอแผนการเกี่ยวกับเรื่องนี้แก่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ รวมทั้งรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส และ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สองผู้สมัครชิงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐฯ

เซเลนสกี้บอกว่า การบุกเข้าแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย จะเป็นส่รวนหนึ่งของแผนการนี้ แต่นอกจากนั้นแล้ว ในแผนยังจะประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ในแนวรบด้านเศรษฐกิจและด้านการทูตอีกด้วย

เขากล่าวว่า ประเด็นหลักของแผนการนี้คือการบีบให้รัสเซียยุติสงครามภายใต้เงื่อนไขที่เป็นธรรมต่อยูเครน พร้อมแสดงความหวังว่า จะเดินทางไปอเมริกาในเดือนหน้าเพื่อร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติและพบกับไบเดน

จากการแถลงคราวนี้บ่งชี้ว่า เซเลนสกี้คาดหวังว่าจะมีการเจรจา ภายหลังซัมมิตสันติภาพระหว่างประเทศซึ่งวาดหวังว่ารัสเซียจะส่งตัวแทนเข้าร่วม

อย่างไรก็ดี ซัมมิตสันติภาพเช่นนี้ครั้งแรกซึ่งจัดในสวิตเซอร์แลนด์เพื่อผลักดันวิสัยทัศน์เกี่ยวกับสันติภาพของเคียฟนั้น ไม่มีการเชิญรัสเซีย อีกทั้งจีนก็ปฏิเสธการเข้าร่วม ขณะที่ไม่มีประเทศใดเสนอตัวจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งต่อไป

เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว ลาฟรอฟยังประกาศชัดเจนว่า จะไม่มีการเจรจาเด็ดขาด หลังจากยูเครนบุกโจมตีแคว้นคูร์สก์

(ที่มา: รอยเตอร์/บีบีซี)