รัสเซียถล่มต่อ ส่งโดรน-ขีปนาวุธโจมตีใหญ่ใส่เป้าหมายต่างๆ หลายสิบแห่งตามแคว้นต่างๆ ของยูเครนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน เจ้าหน้าที่หลายรายแถลงในวันอังคาร (27 ส.ค.) หรือหนึ่งวันหลังจากมอสโกระดมโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในสงครามรุกรานชาติเพื่อนบ้านของตนรายนี้
กองทัพอากาศยูเครนแถลงเมื่อวันอังคาร (27) อ้างว่า สามารถทำลายขีปนาวุธ 10 ลูก และโดรนโจมตีที่ผลิตโดยอิหร่าน 81 ลำที่ถูกปล่อยมาจากหลายแคว้นของรัสเซีย ตลอดจนคาบสมุทรไครเมียที่มอสโกประกาศผนวกเมื่อหลายปีก่อน
ขณะประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า แม้ระบบป้องกันภัยทางอากาศทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทว่า ยังมีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีระลอกล่าสุดของรัสเซีย 4 คน และบาดเจ็บ 16 คน และสำทับว่า การก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติจะต้องได้รับการตอบโต้
เวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของยูเครนอัปเดตตัวเลขผู้เสียชีวิตในวันอังคารเป็น 5 คน โดยมีผู้ถูกสังหาร 3 คนในแคว้นซาโปริซเซีย ทางใต้ของยูเครน และอีก 2 คนในโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองครีวีรีห์ วตอนกลางของประเทศที่ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ
ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน โรงแรมที่ทีมงานของสำนักข่าวรอยเตอร์เข้าพักในเมืองครามาตอร์สก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ก็ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยเสียชีวิต 1 คน
ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีในกรุงเคียฟรายงานว่า ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยการโจมตีทางอากาศ ตลอดจนเสียงระเบิดที่อาจมาจากระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนดังระงมตลอดคืนวันจันทร์
โดยที่เมื่อวันจันทร์ มีรายงานว่ารัสเซียส่งขีปนาวุธและโดรนรวมแล้วกว่า 200 ลูก ถล่มโจมตีทั่วยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน โครงสร้างด้านพลังงานได้รับความเสียหาย และไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง
บล็อกเกอร์สายทหารของรัสเซียหลายคนระบุว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นการแก้แค้นที่ยูเครนบุกข้ามแดนเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ ซึ่งถือเป็นการรุกรานดินแดนรัสเซียครั้งแรกนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2
พันธมิตรของยูเครนในยุโรปและอเมริกาต่างออกมาประณามรัสเซีย ขณะที่โปแลนด์ ซึ่งเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เผยว่า น่านฟ้าถูกรุกล้ำระหว่างเหตุการณ์โจมตีของรัสเซีย ซึ่งเป็นไปได้ว่าสิ่งที่บุกรุกเข้ามาอาจเป็นโดรน
ด้านมอสโกยืนยันว่า การโจมตีเมื่อวันจันทร์พุ่งเป้าที่โครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับกองทัพยูเครน
ขณะที่ยูเครเนอร์โก ผู้ดำเนินการโครงข่ายไฟฟ้าของยูเครน แถลงจากกรุงเคียฟเมื่อวันอังคารว่า ต้องสั่งดับไฟฉุกเฉินตลอดวันเพื่อลดความกดดันต่อโครงข่ายหลังถูกโจมตีระลอกล่าสุดที่โครงสร้างพลังงานทั่วประเทศได้รับความเสียหาย
การโจมตีทางอากาศของรัสเซียคราวนี้เกิดขึ้นขณะที่กองกำลังยูเครนบุกลึกเข้าสู่แคว้นคูร์สก์บริเวณชายแดนรัสเซีย ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่ไม่คาดคิดและดำเนินมาถึง 3 สัปดาห์จนถึงขณะนี้
ขณะเดียวกัน ผู้ว่าการแคว้นเบลโกร็อดของรัสเซีย แถลงเมื่อวันอังคารว่า ได้รับรายงานว่า กองทัพยูเครนพยายามบุกข้ามแดนเข้าไปในแคว้น ทว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนยังคงยากลำบากแต่สามารถควบคุมได้
ทางด้าน พลเอกโอเลคซานดร์ ซีร์สกี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดยูเครนแถลงว่า กองกำลังของฝ่ายเคียฟที่บุกเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ ของรัสเซีย ยังคงสามารถชิงพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก และเวลานี้เข้าควบคุมเมืองเล็กและตำบลต่างๆ เอาไว้ได้ 100 แห่ง คิดเป็นพื้นที่รวม 1,294 ตารางกิโลเมตร
เขาอ้างอีกว่า กองกำลังรัสเซียต้องจัดส่งกำลังทหารราว 30,000 คนเข้ามาช่วยสกัดการรุกใส่แคว้นคูร์สก์ รวมทั้งยูเครนเวลานี้จับเชลยศึกเอาไว้ได้ทั้งหมด 594 คน
ทางด้านเซเลนสกี้ประกาศเมื่อคืนวันจันทร์ว่า การบุกข้ามแดนเข้าสู่แคว้นคูร์สก์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ที่ผ่านมาส่วนหนึ่งเพื่อชดเชยที่เคียฟไม่สามารถโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนชั้นในของรัสเซีย
ผู้นำยูเครนยังเรียกร้องให้พันธมิตรยอมให้ใช้อาวุธที่ตะวันตกจัดหาให้โจมตีในดินแดนรัสเซียเพื่อสกัดการโจมตีทางอากาศของมอสโก รวมทั้งขอให้กองทัพอากาศชาติยุโรปร่วมกับเครื่องบินรบและระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนช่วยสอยโดรนและขีปนาวุธรัสเซียในอนาคต
อย่างไรก็ดี แม้เคียฟคาดหวังว่า การบุกแคว้นคูร์สก์จะบีบให้รัสเซียโยกย้ายกำลังจากแนวรบทางตะวันออกของยูเครนกลับไปปกป้องดินแดนของตน แต่กลับกลายเป็นว่า กองกำลังรัสเซียยังคงรุกคืบในแคว้นโดเนตสก์อย่างต่อเนื่อง
เซเลนสกี้ระบุเมื่อคืนวันจันทร์ว่า การปกป้องเมืองโปครอฟสก์ซึ่งเป็นฮับลอจิสติกส์ในโดเนตสก์เป็นไปอย่างยากลำบาก กระนั้น ยูเครนได้ส่งกำลังเสริมที่มั่นในเมืองดังกล่าวเพื่อรับมือกองกำลังรัสเซียแล้ว
ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงเมื่อวันอังคารว่า กองทัพสามารถยึดหมู่บ้านออร์ลิฟกา ใกล้เมืองโปครอฟสก์ได้อีกแห่ง
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่า พลเรือนยูเครนจำนวนมากพากันขึ้นรถไฟอพยพออกจากโปครอฟสก์ในสัปดาห์นี้
(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์)
