ผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือชมการทดสอบ “โดรนพลีชีพ” รุ่นใหม่ซึ่งถูกส่งออกไปทำลายเป้าหมายต่างๆ รวมถึงรถถังจำลอง พร้อมสั่งการให้ทีมวิจัยของกองทัพโสมแดงเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเอไอเพื่อนำมาใช้งานร่วมกับอากาศยานไร้คนขับ
สำนักข่าว KCNA รายงานวานนี้ (26 ส.ค.) ว่า คิม ได้เดินทางไปที่ศูนย์อากาศยานไร้คนขับแห่งสถาบันวิทยาศาสตร์กลาโหม (Academy of Defence Sciences) เมื่อวันเสาร์ (24) และได้ชมการทดสอบที่ประสบความสำเร็จของฝูงโดรนพลีชีพ ซึ่งสามารถระบุและโจมตีเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างแม่นยำหลังจากทดลองใช้เส้นทางบินที่แตกต่างกัน
ผู้นำ คิม เรียกร้องให้มีการผลิตโดรนพลีชีพลักษณะนี้มากขึ้นเพื่อใช้ในกองพันทหารราบทางยุทธวิธีและหน่วยปฏิบัติการพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโดรนโจมตีใต้น้ำ โดรนสอดแนม และโดรนโจมตีแบบอเนกประสงค์ เป็นต้น
อาวุธลักษณะนี้ยังถูกเรียกว่า loitering munitions หรืออาจแปลได้ว่า “กระสุนแบบดักรออยู่กับที่” ซึ่งปัจจุบันถูกนำไปใช้งานอย่างกว้างขวางทั้งในสงครามยูเครนและตะวันออกกลาง
Loitering munitions นี้สามารถลอยอยู่กลางอากาศในสภาวะพร้อมโจมตีก่อนที่จะระบุเป้าหมายพบ จากนั้นก็จะพุ่งเข้าใส่เป้าหมายพร้อมกับหัวรบที่ติดตั้งไว้
จากภาพที่สื่อเกาหลีเหนือเผยแพร่จะเห็นโดรนอย่างน้อย 4 ประเภท ซึ่งบางประเภทมีการติดตั้งจรวดขนาดเล็กช่วยก่อนที่ระบบขับเคลื่อนของโดรนจะทำงาน
เมื่อถามว่าโดรนของเกาหลีเหนือมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรกับโดรน ZALA Lancet ของรัสเซีย และโดรน Shahed ของอิหร่านซึ่งถูกใช้งานโดยรัสเซียเช่นกัน คณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ (JCS) ตอบว่า “ยังจำเป็นต้องวิเคราะห์เพิ่มเติม”
“เราเข้าใจว่าเกาหลีเหนือและรัสเซียมีการแลกเปลี่ยนของขวัญ (โดรน) กันในอดีต และเราจำเป็นต้องวิเคราะห์มาตรการที่หลากหลายเพื่อดูว่าพวกมันมีศักยภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่” โฆษก JCS แถลง
เกาหลีเหนือมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับทั้งรัสเซียและอิหร่าน และมีประวัติความร่วมมือด้านการทหารกับทั้ง 2 ชาติ
กระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ยอมรับว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เกาหลีเหนือนำโดรนพลีชีพออกมาเปิดตัวให้โลกเห็น
ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือเคยส่งโดรนข้ามพรมแดนมายังฝั่งเกาหลีใต้หลายครั้งในปี 2022 และถึงขั้นเข้าไปยัง “เขตห้ามบิน” รอบๆ ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในกรุงโซล ก่อนที่จะหันหัวกลับออกไป
รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศในปีนี้ว่าจะใช้ “อาวุธเลเซอร์” ยิงทำลายโดรนที่ถูกส่งมาจากเกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นประเทศแรกในโลกที่นำอาวุธประเภทนี้มาใช้งานด้านการทหาร ขณะที่ตึกระฟ้าหลายแห่งในกรุงโซลก็เริ่มติดตั้ง “ปืนต่อต้านอากาศยาน” เอาไว้บนยอดตึกบ้างแล้ว
ที่มา : รอยเตอร์