นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย เรียกร้องให้ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ยอมเปิดเจรจากับรัสเซียเพื่อยุติสงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปี พร้อมเสนอตัวเป็น “มิตร” ที่ช่วยฟื้นฟูสันติภาพ
การเดินทางเยือนยูเครนครั้งแรกของผู้อินเดียมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การสู้รบที่เข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ หลังจากที่กองทัพยูเครนเปิดปฏิบัติการบุกข้ามแดนเข้าไปยังแคว้นคูสก์ (Kursk) ของรัสเซีย ขณะที่ทหารหมีขาวก็ยังเดินหน้ารุกคืบยึดพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนอย่างต่อเนื่อง
เดือนที่แล้ว โมดี เพิ่งจะไปเยือนกรุงมอสโก และได้สวมกอดประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน อย่างอบอุ่นจนถูกยูเครนวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง และในวันเดียวกันนั้นก็มีโรงพยาบาลเด็กแห่งหนึ่งของยูเครนถูกขีปนาวุธรัสเซียยิงโจมตีด้วย
“เส้นทางสู่การแก้ปัญหานั้นจะต้องมาจากการเจรจาและการทูตเท่านั้น เราควรมุ่งไปสู่ทิศทางดังกล่าวโดยไม่ชักช้า และทั้ง 2 ฝ่ายควรจะต้องนั่งลงพูดคุยกันเพื่อหาทางออกให้กับวิกฤตการณ์นี้” ผู้นำอินเดียกล่าว
“ผมขอให้คุณมั่นใจว่า อินเดียพร้อมที่จะแสดงบทบาทอย่างสร้างสรรค์เพื่อนำไปสู่สันติภาพ และหากว่าตัวผมเองสามารถช่วยอะไรได้ในเรื่องนี้ ผมก็จะทำ ขอให้เชื่อใจว่าผมคือมิตรคนหนึ่ง”
ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่ายูเครนตีความคำพูดของผู้นำอินเดียอย่างไร และนี่คือส่วนหนึ่งของความพยายามทางการทูต “หลังฉาก” ที่กำลังดำเนินอยู่หรือไม่ ในระหว่างที่สหรัฐฯ กำลังใกล้เข้าสู่ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พ.ย.
ระหว่างแถลงข่าวประจำวันในค่ำวันศุกร์ (23) เซเลนสกี กล่าวว่า “เป็นสิ่งสำคัญต่อเราที่อินเดียยังคงยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ และสนับสนุนอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเรา”
ผู้นำยูเครนยังแสดงความซาบซึ้งใจที่ โมดี เริ่มต้นภารกิจเยือนเคียฟด้วยการไปแสดงความอาลัยต่อเด็กๆ ที่เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีโรงพยาบาลเมื่อเดือน ก.ค.
อินเดียเป็นชาติที่มีความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงใกล้ชิดกับรัสเซียมาแต่ไหนแต่ไร และแม้จะประณามการสังหารผู้บริสุทธิ์ในยูเครน แต่ก็ยังคงเดินหน้ากระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับมอสโกอยู่
ผู้นำทั้งสองต่างยกย่องการไปเยือนยูเครนของ โมดี ว่าเป็น “ช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์” ทว่า โมดี นั้นกล่าวถ้อยแถลงตามหลัง ทำให้ เซเลนสกี ไม่มีโอกาสที่จะแสดงความคิดเห็นตอบข้อเรียกร้องเจรจาของผู้นำอินเดีย
ยูเครนยืนยันเสมอมาว่าต้องการจบสงครามภายใต้เงื่อนไขที่เคียฟเป็นผู้นำหนด --- ไม่ใช่รัสเซีย และพยายามผลักดันให้มีการจัดประชุมซัมมิตนานาชาติครั้งที่ 2 เพื่อผลักดันวิสัยทัศน์ในการสร้างสันติภาพของยูเครน โดยหวังที่จะดึงผู้แทนรัสเซียเข้าร่วมด้วย
ที่มา : รอยเตอร์