เกาหลีเหนือในวันพฤหัสบดี (22 ส.ค.) วิพากษ์วิจารณ์การขายอาวุธในเอเชียเมื่อเร็วๆ นี้ของสหรัฐฯ เรียกข้อตกลงส่งมอบเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ให้แก่เกาหลีใต้ ว่าเป็นการกระทำยั่วยุและขาดความยั้งคิด พร้อมประกาศกร้าวว่าเปียงยางจะเสริมแสนยานุภาพแก่กองทัพของตนเองเช่นกันเป็นการตอบโต้
"เราคัดค้านอย่างแข็งกร้าว และไม่ยอมรับการสะสมอาวุธของสหรัฐฯ และกองกำลังบริวารของพวกเขา" กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือ ระบุในถ้อยแถลง อ้างถึงเกาหลีใต้
"มันเป็นการกระทำที่ขาดความยั้งคิดและยั่วยุ จงใจให้ภูมิภาคแห่งนี้ตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพด้านความมั่นคงมากยิ่งขึ้น" ถ้อยแถลงกล่าว พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ ต่อการขายอาวุธแก่ญี่ปุ่นและพันธมิตรเอเชีย-แปซิฟิกของวอชิงตันรายอื่นๆเช่นกัน
สหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (19 ส.ค.) แถลงว่าพวกเขาอนุมัติขายเฮลิคอปเตอร์โจมตีอาปาเช่ AH-64E จำนวน 36 ลำ และเครื่องไม้เครื่องมือที่เกี่ยวข้อง ในนั้นรวมถึงขีปนาวุธ ให้แก่เกาหลีใต้ คิดเป็นมูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์
สำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงกลาโหมแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S.Defense Security Cooperation Agency - DSCA) บอกว่าการขายดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมศักยภาพของเกาหลีใต้ในการรับมือกับภัยคุกคามทั้งในปัจจุบันและอนาคต ด้วยการมอบแสนยานุภาพขุมกำลังที่มีความน่าเชื่อถือในการป้องปรามศัตรู และการมีส่วนร่วมในปฏิบัติการต่างๆ ในระดับภูมิภาค
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เห็นชอบความเป็นไปได้ในการขายเฮลิคอปเตอร์แก่เกาหลีใต้ไปก่อนหน้านี้ และทาง DSCA เมื่อวันจันทร์ (19 ส.ค.) ได้ทำหนังสือที่จำเป็นแจ้งไปยังสภาคองเกรส ซึ่งจะเป็นผู้อนุมัติขั้นสุดท้ายของข้อตกลงขายดังกล่าว
วอชิงตันเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงรายสำคัญของโซล และมีทหารสหรัฐฯ ประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ประมาณ 28,500 นาย บทบาทของพวกเขาคือช่วยปกป้องเกาหลีใต้ จากเกาหลีเหนือ ชาติเพื่อนบ้านติดอาวุธนิวเคลียร์
เปียงยางระบุในวันศุกร์ (23 ก.ค.) ว่าการขายอาวุธของสหรัฐฯ ในภูมิภาคแปซิฟิก จะกระตุ้นให้เกาหลีเหนือยกระดับความเข้มแข็งของการป้องปรามทางยุทธศาสตร์ เป็นการตอบโต้
"สถานการณ์นี้ส่งเสียงเรียกร้องอย่างเร่งด่วน ให้เกาหลีเหนือรับประกันสมดุลทางทหารในภูมิภาค ด้วยการเพิ่มแสนยานุภาพในการป้องกันตนเองในทุกๆ หนทาง ในสัดส่วนที่เหมาะสมโดยตรงกับความท้าทายด้านความมั่นคงต่างๆ และภัยคุกคามที่อาจเป็นผลลัพธ์จากการขายอาวุธของสหรัฐฯ"
คำแถลงเกี่ยวกับการขายเฮลิคอปเตอร์ มีขึ้นในวันเดียวกับที่วอชิงตันและโซล เริ่มต้นการซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่ประจำปี ซึ่งการซ้อมรบครั้งใหม่นี้มีเป้าหมายคือควบคุมเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ การซ้อมรบ Ulchi Freedom Shield จะมีไปจนถึงวันที่ 29 สิงหาคม และจะเกี่ยวข้องกับบุคลากรทางทหารหลายพันนาย
(ที่มา : เอเอฟพี)