“ปูติน” เดินทางไปตรวจเยี่ยมทหารและอาสาสมัครชาวเชชเนียที่พร้อมสู้รบกับยูเครน ขณะที่มีรายงานว่ากองกำลังมอสโกยังรุกคืบยึดเมืองสำคัญอีกแห่งหนึ่งในแคว้นโดเนตสก์ทางภาคตะวันออกของยูเครน ในทางกลับกัน ทหารยูเครนประกาศว่า ได้ทำลายหรือสร้างความเสียหายต่อสะพานข้ามแม่น้ำเซม ทั้ง 3 แห่ง ซึ่งอยู่ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย เดินทางไปแคว้นเชชเนีย ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของรัสเซียและประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปีเมื่อวันอังคาร (20 ส.ค.) เพื่อเยี่ยมกำลังพลและอาสาสมัครชาวเชชเนีย ที่มหาวิทยาลัยกองกำลังพิเศษรัสเซียในเมืองกูเดอร์เมส โดยที่มี รัมซาน คาดีรอฟ ผู้นำของสาธารณรัฐเชชเนียคอยต้อนรับ
คาดีรอฟที่ถูกอเมริกาประกาศลงโทษแซงก์ชันในปี 2020 และ 2022 จากข้อกล่าวหาละเมิดสิทธิมนุษยชนและส่งทหารไปช่วยรัสเซียรบในยูเครน ยังรายงานปูตินในการประชุมซึ่งจัดขึ้นวันอังคารเช่นกันว่า นับตั้งแต่สงครามยูเครนเริ่มต้นขึ้นเมื่อต้นปี 2022 เชชเนียส่งทหารไปร่วมรบกว่า 47,000 นาย และอาสาสมัครอีกราว 19,000 คน
ความเคลื่อนไหวคราวนี้มีขึ้น ขณะที่กองทัพรัสเซียกำลังพยายามขับไล่ทหารยูเครนที่บุกเข้ามาโจมตีแคว้นคูร์สก์ ซึ่งถือเป็นความน่ากระอักกระอ่วนอย่างยิ่งสำหรับปูตินและกองทัพรัสเซีย โดยแม้ล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 แล้ว แต่มอสโกยังไม่สามารถจัดการผู้บุกรุกเหล่านี้ได้ มิหนำซ้ำล่าสุดยังมีรายงานว่า กองกำลังยูเครนได้ทำลายหรือสร้างความเสียหายต่อสะพานข้ามแม่น้ำเซมทั้งสามแห่ง ส่งผลให้กองกำลังรัสเซียปฏิบัติการตอบโต้การรุกล้ำแคว้นคูร์สก์ได้ล่าช้าลง
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้บัญชาการกองทัพอากาศยูเครนได้โพสต์วิดีโอสะพานข้ามแม่น้ำเซม 2 แห่งที่ถูกโจมตี ขณะที่ภาพถ่ายดาวเทียมจากเพลเน็ต แล็บส์ พีบีซี ที่สำนักข่าวเอพีวิเคราะห์และยืนยันว่า สะพานแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในเมืองกลูชโคโว ได้ถูกทำลาย
ในวันจันทร์ (19 ส.ค.) ผู้แทนของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของรัสเซียยืนยันผ่านวิดีโอที่เผยแพร่บนแอปเทเลแกรมว่า ยูเครนทำลายสะพานแห่งหนึ่งและทำให้สะพานอีกสองแห่งเสียหาย
ต่อมาเมื่อวันอังคาร (20) พลเอกโอเลคซานดร์ ซีร์สกี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของยูเครน แถลงว่า กองกำลังยูเครนสามารถควบคุมพื้นที่เพิ่มเป็น 1,263 ตารางกิโลเมตร และชุมชน 93 แห่งในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซียรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวไม่ระบุชื่อในหน่วยบริการทางการแพทย์ของรัสเซียว่า นับตั้งแต่การบุกของยูเครนเมื่อวันที่ 6 ส.ค. มีประชาชนเสียชีวิต 17 คน และบาดเจ็บ 140 คน
ทางด้านกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซียแถลงเมื่อบ่ายวันอังคารว่า ประชาชนกว่า 500 คนอพยพออกจากพื้นที่อันตรายในคูร์สก์ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา รวมแล้วมีผู้อพยพจากแคว้นนี้จนถึงล่าสุดกว่า 122,000 คน
เวลาเดียวกัน อันเดร เบลูซอฟ รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ประกาศว่า กองทัพได้จัดกองกำลังใหม่ 3 หน่วยขึ้นมาเพื่อต่อต้านปฏิบัติการของยูเครนใน 3 แคว้นชายแดน ได้แก่ คูร์สก์ เบลโกร็อด และ บรีแยนสก์ โดยกองกำลังเหล่านี้มีหน้าที่ปกป้องพลเรือนและดินแดนจากการโจมตีของยูเครนด้วยโดรนและอาวุธอื่นๆ
นอกจากบุกแคว้นคูร์สก์แล้ว ยูเครนยังส่งโดรนโจมตีคลังน้ำมันในเมืองโปรลีทาร์สก์ แคว้นรอสทอฟของรัสเซียซึ่งทำให้เกิดไฟไหม้รุนแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ในวันอังคาร เผาผลาญพื้นที่ 1 เฮกตาร์ และต้องใช้เจ้าหน้าที่ดับเพลิง 500 คนร่วมกันดับไฟ ซึ่ง 41 คนในจำนวนนี้ได้รับบาดเจ็บ
เสนาธิการกองทัพบกยูเครนประกาศว่า การโจมตีคลังน้ำมันดังกล่าวซึ่งจัดส่งน้ำมันให้กองทัพรัสเซีย มีเป้าหมายในการบ่อนทำลายศักยภาพของกองทัพและเศรษฐกิจรัสเซีย
อย่างไรก็ดี แผนการบุกแคว้นคูร์สก์เพื่อผ่อนคลายความกดดันแนวรบด้านตะวันออกของยูเครนดูท่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เนื่องจากกองกำลังรัสเซียยังเดินหน้าโจมตีบริเวณดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันอังคารได้ประกาศว่า สามารถยึดเมืองนิวยอร์ก เมืองเล็กๆ ซึ่งเป็นฮับลอจิสติกส์สำคัญในแคว้นโดเนตสก์ รวมทั้งเป็นการแผ้วถางทางเข้ายึดเมืองโตเรตสก์และเมืองโปครอฟสก์ต่อไป หลังจากเมื่อวันจันทร์เพิ่งเข้ายึดเมืองเล็กๆ ชื่อ ซาลิซนีที่อยู่ใกล้กัน
ทั้งนี้ กองทัพยูเครนไม่ยืนยันว่า เมืองนิวยอร์กถูกตีแตกแล้ว แต่แถลงว่า กองกำลังรัสเซียกำลังโจมตีใกล้เมืองดังกล่าวและยังคงมีการสู้รบกันอยู่
(ที่มา: รอยเตอร์/เอพี/เอเอฟพี/บีบีซี)