สื่อต่างประเทศรายงานข่าวรัฐสภาของไทยมีมติเลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศในวันนี้ (16 ส.ค.) เพียง 1 วันหลังจากที่บุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ก้าวขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่ถูกจับตามองมากที่สุด ท่ามกลางสงครามช่วงชิงอำนาจทางการเมืองระหว่างกลุ่มขั้วต่างๆ ในไทย
มติที่ประชุมรัฐสภาว่าด้วยการโหวต น.ส.แพทองธาร ขึ้นเป็นนายกฯ ได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนน 319 เสียง ไม่เห็นชอบ 145 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง ไม่มา 2 เสียง ทำให้ “อุ๊งอิ๊ง” ขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 และเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 จากตระกูล "ชินวัตร" ด้วย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้บุตรสาววัย 37 ปีของนายทักษิณ ผู้ซึ่งทั้งทรงอิทธิพลและสร้างความขัดแย้งทางการเมือง จะผ่านขั้นตอนการโหวตในสภามาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่นายกฯ หญิงผู้ยังอ่อนประสบการณ์ทางการเมืองจะต้องเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า ‘baptism of fire’ หรือบททดสอบสุดโหดที่จะรุมเร้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังตัดสินใจเข้ามารับไม้ต่อจากนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งถอดถอนไปเมื่อ 2 วันก่อน
รอยเตอร์ระบุด้วยว่า การเข้าสู่สนามการเมืองเต็มตัวของ แพทองธาร มีมรดกและอนาคตทางการเมืองของตระกูลชินวัตรเป็นเดิมพัน หลังจากที่พรรคการเมืองในเครือข่ายของทักษิณพ่ายศึกเลือกตั้งทั่วไปเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีเมื่อปีที่แล้ว และจำเป็นต้องยอมทำข้อตกลงกับฝ่ายทหารที่เป็นศัตรูคู่แค้นกันมาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้ได้
น.ส.แพทองธาร ไม่เคยดำรงตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาลมาก่อน และคาดว่าจะต้องเจอกับศึกหนักหลายด้านพร้อมกัน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจไทยที่ยังคงซบเซา รวมไปถึงกระแสความนิยมพรรคเพื่อไทยที่อ่อนแรงลงไปมาก นอกจากนี้ ยังจะต้องหาวิธีเดินหน้าสานต่อโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” แจกเงิน 10,000 บาท ซึ่งถือเป็นนโยบายเรือธงของพรรค และต้องใช้งบประมาณสูงถึง 500,000 ล้านบาท
รอยเตอร์ยังระบุด้วยว่า การที่นายทักษิณ ตัดสินใจดันลูกสาวสุดที่รักขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ ในเวลานี้เป็นเรื่องที่นักวิเคราะห์หลายคน “เซอร์ไพรส์” พอสมควร เนื่องจากคาดการณ์กันว่าอดีตนายกฯ น่าจะยังไม่อยากให้ แพทองธาร ต้องเข้ามาพัวพันโดยตรงกับสงครามอำนาจที่นำมาสู่จุดจบทางการเมืองของเขากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาแล้ว
ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่า น.ส.แพทองธาร เคยช่วยบริหารกิจการโรงแรมในเครือตระกูลชินวัตร ก่อนที่จะเข้าสู่แวดวงการเมืองในช่วงปลายปี 2022 และได้เดินสายช่วยสมาชิกพรรคเพื่อไทยหาเสียงอย่างสม่ำเสมอก่อนศึกเลือกตั้งทั่วไปในปีที่แล้ว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าสิ่งที่จะต้องจับตามองหลังจากนี้คือบทบาทของนายทักษิณ ว่าจะเข้ามามีอิทธิพลต่อการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร มากน้อยขนาดไหน
ด้านสำนักข่าว BBC ระบุว่า การก้าวสู่ตำแหน่งนายกฯ ของ แพทองธาร ชินวัตร ถือเป็นการอัดฉีดพลังให้คณะผู้บริหารของไทย และสมาชิกพรรคเพื่อไทยคงตั้งความหวังว่าบุตรสาวนายใหญ่คนนี้จะสามารถกอบกู้พรรคให้กลับสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ก็มองว่า น.ส.แพทองธาร จะต้องเตรียมรับมือกับปัญหาที่ยากลำบากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยที่ยังคงชะลอตัว รวมถึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การก่อรัฐประหารโดยกองทัพ หรือการแทรกแซงของศาลที่ปิดฉากรัฐบาลซึ่งนำโดยครอบครัวของเธอมาแล้วถึง 4 ชุด
ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, บีบีซี