xs
xsm
sm
md
lg

น้ำมันลงอีก $1-ทองปรับลดแรง หุ้นสหรัฐฯ บวกจากข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ราคาน้ำมันขยับลงอีกในวันพุธ (14 ส.ค.) หลังพบคลังปิโตรเลียมสำรองสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นผิดคาด ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกและทองคำปรับลด จากข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดที่เพิ่มความเป็นไปได้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยในเดือนหน้า

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.37 ดอลลาร์ ปิดที่ 76.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 93 เซนต์ ปิดที่ 79.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ข้อมูลสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ (อีไอเอ) ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (14 ส.ค.) พบคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต๊อกเบนซินและคลังสำรองน้ำมันกลั่นลดลงเกินคาด

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันพุธ (14 ส.ค.) โดยเแอสแอนด์พี 500 ขยับขึ้น 5 วันติด หลังข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดเพิ่มความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนว่าเฟดจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 242.75 จุด (0.61 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 40,008.39 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 20.78 จุด (0.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,455.21 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 4.99 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,192.60 จุด

ข้อมูลราคาผู้บริโภคล่าสุด ซึ่งเผยแพร่ในวันพุธ (14 ส.ค.) เพิ่มความคาดหมายว่าเฟดจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยในเดือนหน้า

ราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม ขณะที่เมื่อเทียบเป็นรายปี เงินเฟ้อชะลอตัวต้ำกว่าระดับ 3% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2021 แม้หนึ่งวันก่อนหน้านี้ ข้อมูลราคาผู้ผลิตที่อ่อนแอเกินคาด บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับปานกลาง และยังอยู่ห่างจากระดับเป้าหมาย 2% ของเฟด

เวลานี้ตลาดการเงินมองว่ามีโอกาส 55% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในที่ประชุมระหว่างวันที่ 17-18 กันยายน อ้างอิงผลสำรวจ FedWatch Tool ของ CME ก่อนหน้ามีการเผยแพร่ข้อมูลเงินเฟ้อ พวกนักลงทุนมองว่ามีโอกาสพอๆ กันหรีอ 50% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% หรือไม่ก็ 0.50%

ตัวเลขราคาผู้บริโภคที่ก่อความคาดหมายว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยพอสมควรในเดือนหน้า ฉุดให้ราคาทองคำในวันพุธ (14 ส.ค.) ปิดลบ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 28.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,479.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์

(ที่มา : รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น