ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อวันจันทร์ (12 ส.ค.) ระบุการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดของยูเครนในดินแดนของรัสเซีย นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น มีเป้าหมายเพียงเพื่อส่งเสริมสถานะของเคียฟ ก่อนหน้าความเป็นไปได้ในการเจรจาใดๆ เช่นเดียวกับเป็นความพยายามชะลอการรุกคืบของกองกำลังรัสเซีย
กองกำลังยูเครนบุกจู่โจมชายแดนรัสเซียเมื่อวันอังคารที่แล้ว (6 ส.ค.) และบุกทะลวงฝ่าทั่วพื้นที่บางส่วนทางตะวันตกของแคว้นคูร์สก์ ของรัสเซีย ในเหตุโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว ที่เผยให้เห็นถึงความอ่อนแอในแนวป้องกันชายแดนของรัสเซียในพื้นที่ดังกล่าว
ในความเห็นที่ให้รายละเอียดมากที่สุดจนถึงตอนนี้เกี่ยวกับปฏิบัติการรุกรานของยูเครน ปูตินกล่าวว่าเคียฟ "ภายใต้ความช่วยเหลือจากบรรดาผู้บงการตะวันตก" พยายามยกระดับสถานะของยูเครน ก่อนหน้าความเป็นไปได้ในการเจรจาใดๆ
นอกจากนี้ ปูตินยังตั้งคำถามเกี่ยวกับความจำเป็นที่ต้องเจรจากับศัตรูรายหนึ่งๆ ที่เขากล่าวหาว่ากราดยิงอย่างไม่เลือกหน้าใส่พลเมืองรัสเซียและที่ตั้งทางนิวเคลียร์ "แน่นอน ภารกิจหลักของกระทรวงกลาโหมก็คือ บีบศัตรูให้ล่าถอยออกไป น็อกศัตรูให้ออกจากดินแดนของเรา" ปูตินกล่าว พร้อมระบุว่าอีกด้านหนึ่งกองกำลังรัสเซียกำลังเร่งการรุกคืบตามแนวหน้าหลักอื่นๆ เป็นระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร
"แน่นอนว่าศัตรูจะได้รับการตอบโต้อย่างสาสม" ปูตินกล่าว พร้อมคาดหมายว่ายูเครนจะพยายามบั่นทอนสเถียรภาพตามแนวชายแดนทางตะวันตกของรัสเซียมากยิ่งขึ้น
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน คุยโวว่าเวลานี้สงครามย้อนกลับไปไล่ล่ารัสเซีย เขาบอกว่าการจู่โจมข้ามชายแดนของยูเครนเป็นประเด็นความมั่นคงของยูเครน และเคียฟสามารถยึดครองพื้นที่ต่างๆ ที่รัสเซียใช้เปิดฉากโจมตี
โอเล็กซานด์ร ซีร์สกี ผู้บัญชาการกองทัพยูเครน บอกว่ายูเครนสามารถยึดดินแดนของรัสซียได้ราว 1,000 ตารางกิโลเมตร มากกว่าที่เจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวอ้างมากมายหลายเท่า
อเล็กเซ สเมอร์นอฟ รักษาการผู้ว่าการแคว้นคูร์สก์ เผยว่ายูเครนเข้าควบคุมถิ่นฐานต่างๆ 28 แห่งในแคว้น และการรุกรานครอบคลุมระยะทางลึกเข้ามาในดินแดน 12 กิโลเมตรและกว้าง 40 กิโลเมตร
แค่ในแคว้นคูร์สก์เพียงแห่งเดียว มีประชาชนเดินทางออกมา หรืออพยพออกมาแล้วกว่า 121,000 คน และอีกประมาณ 59,000 คน อยู่ในกระบวนการอพยพ ส่วนในแคว้นเบลโกรอดของรัสเซีย ซึ่งมีชายแดนติดกับแคว้นคูร์สก์ มีการอพยพพลเรือนหลายพันคนเช่นกัน
แหล่งข่าวรัสเซียรายหนึ่งบอกว่าการโจมตีดินแดนรัสเซียของยูเครน ยิ่งไปกระตุ้นพวกสายแข็งกร้าวในรัสเซีย ซึ่งเคยโต้แย้งว่าการเจรจาหยุดยิงใดๆ เป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า และเร่งเร้าให้รัสเซียเดินหน้ารุกคืบกดดันยูเครนมากกว่าที่เป็นอยู่
เจ้าหน้าที่รัสเซีย เชื่อว่ายูเครนพยายามแสดงให้บรรดาผู้หนุนหลังตะวันตกเห็นว่าพวกเขายังคงสามารถเปิดปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ แม้มีแรงกดดันถาโถมเข้าใส่เคียฟและมอสโกให้เห็นพ้องเจรจากัน เพื่อยุติการสู้รบระหว่าง 2 ฝ่าย
รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และตอนนี้ควบคุมดินแดนของยูเครนคิดเป็นสัดส่วน 18% ก่อนหน้าการโจมตีใส่ดินแดนรัสเซียอย่างน่าประหลาดใจ ยูเครนสูญเสียดินแดนให้แก่กองกำลังรัสเซียอย่างต่อเนื่อง แม้ได้รับแรงสนับสนุนทางการเงินจากสหรัฐฯ และยุโรปหลายแสนล้านดอลลาร์
หลังจากสงครามภาคพื้นครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านมากว่า 2 ปีเศษ ปัจจุบันทั้งมอสโกและเคียฟต่างบ่งชี้ว่าพวกเขากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเจรจา แม้ต่อหน้าสาธารณะแล้ว พวกเขายังคงมีความเห็นแตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงใดๆ
(ที่มา : รอยเตอร์)