รัสเซียเมื่อวันอาทิตย์ (11 ส.ค.) ยอมรับว่าถูกทหารยูเครนเจาะทะลวงลึกเข้ามายังแคว้นคูร์สก์ ในปฏิบัติการรุกรานที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของเคียฟบอกว่ามีเป้าหมายเพื่อบั่นทอนเสถียรภาพของรัสเซีย และกระจายกองกำลังมอสโกออกไปในหลายด้าน
ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ (11 ส.ค.) ทั้ง 2 ฝ่ายต่างกล่าวโทษกันไปมาเกี่ยวกับเหตุไฟไหม้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาโปริซเซีย ทางภาคใต้ของยูเครน ที่ถูกยึดครองโดยกองกำลังรัสเซีย แต่ทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงหน่วยงานเฝ้าระวังทางนิวเคลียร์ของสหประชาชาชาติ ยืนยันว่าไม่พบสัญญาณการรั่วไหลทางนิวเคลียร์
เคียฟใช้ทหารหลายพันนายในปฏิบัติการจู่โจมเล่นงานรัสเซียแบบไม่ทันตั้งตัว เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของยูเครนรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพี คว้าโอกาสเป็นฝ่ายเปิดฉากบุก หลังจากรัสเซียรุกคืบอย่างช้าๆ ทั่วภาคตะวันออกของประเทศมานานหลายเดือน
"เป้าหมายคือกระจายตำแหน่งที่ตั้งของฝ่ายศัตรู เพื่อก่อความสูญเสียให้ได้มากที่สุดและบ่อยทำลายเสถียรภาพในสถานการณ์ในรัสเซีย ในขณะที่พวกเขาไม่อาจปกป้องชายแดนของตนเอง" เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของยูเครนกล่าวโดยไม่ประสงค์เอ่ยนาม
การจู่โจมที่เวลานี้เข้าสู่วันที่ 6 ดูเหมือนถูกเครมลินสกัดไว้ได้แล้ว หลังจากกองทัพรัสเซียเร่งระดมกำลังสำรอง รถถัง เครื่องบิน ปืนใหญ่และโดรน ในความพยายามปราบปรามการบุกของยูเครน อย่างไรก็ตามทางกองทัพยอมรับในวันอาทิตย์ (11 ส.ค.) ยูเครนสามาถเจาะทะลวงดินแดนในพื้นที่ต่างๆ ได้สูงสุดกว่า 30 กิโลเมตร
ในการแถลงสรุปรายวันเกี่ยวกับสถานการณ์ในแคว้นคูร์สก์ ทางภาคตะวันตกของประเทศ กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่าพวกเขาสามารถทลายความพยายามของกองกำลังยูเครน "ในการฝ่าทะลวงลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซีย" โดยใช้ยานเกราะ
กระทรวงกลาโหมรัสเซียบอกต่อว่าบางส่วนของกองกำลังเหล่านี้ย้ายไปแถวๆ หมู่บ้านโทลปิโนและออบชี โคโลเดซ ห่างจากชายแดนรัสเซีย-ยูเครน ราว 25 กิโลเมตร และ 30 กิโลเมตร ตามลำดับ
เจ้าหน้าที่ยูเครนยังบอกด้วยว่าคำกล่าวอ้างของรัสเซียที่ว่าเคียฟใช้กำลังทหารราว 1,000 นายนั้น เป็นการประเมินต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก "มันมากมายกว่านั้น มีจำนวนหลายพันนาย"
รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และเดินหน้ายุทธการอย่างต่อเนื่อง บุกยึดพื้นที่อันกว้างขวางทั้งทางตะวันออกและทางภาคใต้ของประเทศ ในขณะที่เมืองต่างๆ ของยูเครนถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนแทบทุกวัน
หลังจากทวงคืนพื้นที่ขนาดใหญ่มาได้ในปี 2022 ส่วนใหญ่แล้วเคียฟกลับต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ อันเนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนทั้งกำลังพลและเสบียงอาวุธ
การจู่โจมแคว้นคูร์สก์ ถือเป็นปฏิบัติการรุกคืบข้ามชายแดนครั้งใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จที่สุดของเคียฟจนถึงตอนนี้ และถือเหตุกองทัพต่างชาติหนึ่งๆ โจมตีดินแดนรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
รัสเซียในวันเสาร์ (10 ส.ค.) เปิดเผยว่าได้ทำการอพยพพลเรือนมากกว่า 76,000 คน ออกจากพื้นที่ชายแดน และจากนั้นในวันอาทิตย์ (11 ส.ค.) ก็ได้มีการอพยพเพิ่มเติม ขณะที่ผู้ปฏิบัติการเดินรถไฟของรัสเซียได้เพิ่มเติมขบวนรถไฟฉุกเฉินจากแคว้นคูร์สก์ ไปยังมอสโก ที่อยู่ห่างออกไปราว 450 กิโลเมตร เพื่อรองรับผู้อพยพ
แคว้าซูมีของยูเครนก็ถูกโจมตีแก้แค้นเช่นกัน และเจ้าหน้าที่มีแผนอพยพประชาชนราว 20,000 คน ออกจากพื้นที่ตามแนวชายแดน
รัสเซียประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับท้องถิ่นในแคว้นคูร์สก์ เช่นเดียวกับเปิดปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายในแคว้นแห่งนี้ เช่นเดียวกับอีก 2 แคว้นที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดน
เจ้าหน้าที่ยูเครนคาดหมายว่าในท้ายที่สุด รัสเซียจะสามารถจัดการหยุดการรุกคืบได้ ขณะเดียวกัน ยูเครนก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีด้วยขีปนาวุธขนานใหญ่ ในนั้นรวมถึงเล็งเป้าเล่นงานศูนย์บัญชาการด้านการตัดสินใจต่างๆ ในยูเครน
(ที่มา : เอเอฟพี)