โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกัน และ กมลา แฮร์ริส ตัวแทนของเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเปิดศึกประชันวิสัยทัศน์กันในวันที่ 10 กันยายน ที่สำนักข่าวเอบีซี จากการยืนยันของเครือข่ายสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ในวันพฤหัสบดี (8 ส.ค.) ถือเป็นการดีเบตแบบเผชิญหน้ากันครั้งแรกระหว่าง 2 คู่ปรับ ที่โพลต่างๆ บ่งชี้ว่ามีคะแนนนิยมคู่คี่สูสีเป็นอย่างมาก
ในการแถลงข่าวที่บ้านพักในปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ทรัมป์บอกว่าเขาอยากดีเบตเพิ่มเติมอีก 2 รอบในวันที่ 4 กันยายน และ 25 กันยายน ซึ่งจะออกอากาศทางฟ็อกซ์นิวส์และเอ็นบีซี เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเงื่อนไขอย่างเจาะจง อย่างเช่นแบบมีผู้ฟังหรือไม่ ก่อนที่ทีมหาเสียงของเขาจะชี้แจงในเวลาต่อมาว่า มันจะขึ้นอยู่กับเครือข่ายผู้รับหน้าที่เป็นคนจัดศึกประชันวิสัยทัศน์
ทีมหาเสียงของแฮร์ริส ยังไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ แต่ ณ เวทีหาเสียงในดีทรอยต์ ทาง แฮร์ริส บอกว่าเธอตั้งตาคอยศึกประชันวิสัยทัศน์ในวันที่ 10 กันยายน ตามรายงานของผู้สื่อข่าวรายหนึ่งของเอ็นบีซี ที่เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยบ่งชี้ว่าเขาอาจถอนตัวจากศึกดีเบตของเอบีซี ซึ่งวางกำหนดการไว้ก่อน แฮร์ริส ก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตแทนประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อราว 3 สัปดาห์ก่อน ก่อนกลับลำหันมาตอบตกลง
ผลสำรวจความคิดเห็นของอิปซอสโพลที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (8 ส.ค.) พบว่า แฮร์ริส มีคะแนนนิยมทิ้งห่าง ทรัมป์ มากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ด้วยคะแนน 42% ต่อ 37% เมื่อเปรียบเทียบกับโพลของรอยเตอร์/อิปซอสที่จัดทำเมื่อวันที่ 22 ถึง 23 กรกฎาคม ซึ่งตอนนั้น แฮร์ริส มีคะแนนนำ ทรัมป์ 37% ต่อ 34%
การแถลงข่าวครั้งนี้ถือเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกของทรัมป์ นับตั้งแต่ แฮร์ริส เลือก ทิม วอล์ซ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา เป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีของเธอ เมื่อวันอังคาร (6 ส.ค.)
ทรัมป์ ยืนยันในวันพฤหัสบดี (8 ส.ค.) ว่าจะไม่เปลี่ยนแนวทางการหาเสียง ชี้ว่า แฮร์ริส ต้องเป็นผู้รับผิดชอบร่วมต่อประวัติการบริหารประเทศอันเลวร้ายของไบเดน
อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ อ้างว่า แฮร์ริส และ วอลซ์ เป็นตัวแทนพรรคที่อ่อนแอ และมีคะแนนนิยมในโพลต่างๆ ลดลงเรื่อยๆ แต่กระนั้นเขาโอดครวญที่ไม่ได้เจอกับ ไบเดน ในศึกเลือกตั้ง โดยชี้ว่าประธานาธิบดีรายนี้เป็นเหยื่อของแผนการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ในการขับไล่เขาพ้นจากการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต
ไบเดน ถอนตัวจากการเป็นตัวแทนพรคเดโมแครต ในความหวังนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัย ภายใต้แรงกดดันจากบรรดาสมาชิกพรรคเดโมแครต ที่กังวลต่อโอกาสได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน หลังจากทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในศึกประชันวิสัยทัศน์กับทรัมป์
(ที่มา : รอยเตอร์)