xs
xsm
sm
md
lg

แฮร์ริสเตือน ‘ทรัมป์ 2’ หายนะสำหรับอเมริกา ด้านไบเดนย้ำไม่มั่นใจ ‘คู่ปรับเก่า’ จะยอมแพ้โดยดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไบเดน “ไม่มั่นใจ” ทรัมป์จะยอมเลิกราโดยดีหากแพ้เลือกตั้ง ขณะ แฮร์ริส ที่รับไม้ต่อลงแข่งขันในนามพรรคเดโมแครต เตือนสำทับถ้าอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ชนะ จะหมายถึงหายนะสำหรับอเมริกา และการเกิดขึ้นมาของคณะรัฐบาลที่ไม่เคารพกฎหมาย

โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีและผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของรีพับลิกัน เป็นคนสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะประมุขทำเนียบขาวคนเดียวที่เผชิญกระบวนการพิจารณาถอดถอนจากตำแหน่งถึง 2 ครั้ง แถมยังอยู่ระหว่างถูกฟ้องร้องหลายคดีฐานพยายามโกงการเลือกตั้งปี 2020 ซึ่งจนถึงขณะนี้เขายังคงไม่ได้ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเป็นทางการ นอกจากนั้น ทรัมป์ยังกลายเป็นผู้เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรก ที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิด 34 กระทงจากคดีจ่ายเงินปิดปากเพื่อหลอกลวงผู้มีสิทธิเลือกตั้งในปี 2016

การกล่าวอ้างผิดๆ ของทรัมป์ว่า มีการโกงเลือกตั้งอย่างแพร่หลายในปี 2020 นำไปสู่เหตุการณ์ม็อบบุกอาคารรัฐสภาเพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะของโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตและประธานาธิบดีคนปัจจุบัน และเป็นเหตุให้ตำรวจบาดเจ็บกว่า 100 นาย

ระหว่างให้สัมภาษณ์ฝ่ายข่าวของเครือข่ายโทรทัศน์ซีบีเอสในสหรัฐฯ (ซีบีเอสนิวส์) ในวันพุธ (7 ส.ค.) เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า คิดว่าปีหน้าจะมีการถ่ายโอนอำนาจอย่างสงบเรียบร้อยหรือไม่ภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายนนี้ ไบเดนตอบว่า ไม่มั่นใจเลย โดยเฉพาะในกรณีที่ทรัมป์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้

ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ซึ่งเวลานี้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต สืบแทนไบเดน ได้กล่าวเตือนเกี่ยวกับพฤติกรรมของทรัมป์เช่นกัน แต่ในฉากทัศน์ตรงกันข้าม

แฮร์ริสกล่าวระหว่างหาเสียงที่เมืองโอแคลร์ รัฐวิสคอนซินว่า หากทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองจะหมายถึงหายนะสำหรับอเมริกา โดยเธออ้างอิงคำพูดของอดีตนักธุรกิจพันล้านผู้นี้ที่เคยประกาศว่า จะเป็นผู้นำเผด็จการนับจากวันแรกที่รับตำแหน่ง ซ้ำขู่ใช้กระทรวงยุติธรรมเป็นเครื่องมือจัดการศัตรูทางการเมือง นอกจากนั้น เมื่อสองปีที่แล้วทรัมป์ยังเรียกร้องให้ล้มล้างบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการพ่ายแพ้การเลือกตั้งของตนเองในปี 2020

แฮร์ริสย้ำว่า คนที่ต้องการให้ล้มล้างบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญไม่ควรได้รับโอกาสให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีก พร้อมเรียกร้องคนอเมริกันต่อต้านความวุ่นวาย ความกลัว และความเกลียดชังของขบวนการผู้นิยมทรัมป์

การหาเสียงเมื่อวันพุธคราวนี้ของเธอ เป็นส่วนหนึ่งของการตระเวน “สวิง สเตท” ซึ่งหมายถึงรัฐที่ผู้มีสิทธิออกเสียงยังแสดงความนิยมในผู้สมัครของเดโมแครตและรีพับลิกันใกล้เคียงกัน จึงกลายเป็นสมรภูมิที่แต่ละพรรคต้องสนใจช่วงชิงเป็นพิเศษ โดยที่ในสัปดาห์นี้ แฮร์ริส และทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินเนโซตาที่เธอเลือกเป็นคู่หูสมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี รณรงค์หาเสียงในรัฐเพนซิลเวเนีย วิสคอนซิน และมิชิแกน รวมทั้งแอริโซนา และเนวาดา ไปจนถึงวันเสาร์ (10) เพื่อเร่งทำคะแนนจากกระแสตื่นเต้นยินดีหลังจากเมื่อเดือนที่แล้วไบเดนยอมถอนตัวและเปิดทางให้แฮร์ริสเป็นตัวแทนพรรคลงศึกเลือกตั้งชิงทำเนียบขาว

ในการหาเสียงที่วิสคอนซินและมิชิแกน แฮร์ริสและวอลซ์ วาดภาพวิสัยทัศน์อนาคตที่มั่งคั่งสำหรับชนชั้นกลาง ย้ำความภาคภูมิใจของประเทศ รวมทั้งให้คุณค่ากับลัทธิรักชาติแบบที่พวกพรรครีพับลิกันยุคก่อนทรัมป์เคยยกย่องเชิดชู กระนั้น แฮร์ริสไม่ลืมย้ำว่า การปล่อยให้ทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวอีกสมัยจะทำให้อเมริกาถอยหลัง

ก่อนหน้าสองรัฐนี้ แฮร์ริสและวอลซ์ไปหาเสียงที่เพนซิลเวเนีย โดยมีฝูงชนร่วมฟังการปราศรัยถึง 14,000 คน อย่างไรก็ดี วอลซ์บอกว่า เขาได้รับแจ้งว่า การหาเสียงของพวกเขาที่มีคนเข้าฟังมากที่สุดคือที่สนามบินในมิชิแกน ซึ่งมีเครื่องบินประจำตำแหน่งรองประธานาธิบดี หรือ “แอร์ฟอร์ซ ทู” เป็นฉากหลัง

วอลซ์ ที่เป็นอดีตนายทหารในกองทหารอาสารักษาดินแดนสหรัฐฯ มาหลายปี วิจารณ์ความเชื่อของทรัมป์ และวุฒิสมาชิก เจ.ดี. แวนซ์ คู่หูที่ลงสมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ว่าอันตรายและล้าหลัง

ทางด้านทรัมป์นั้นไม่ได้จดจ้องจุดอ่อนด้านนโยบายของคู่แข่ง แต่เน้นการโจมตีตัวบุคคล ทว่า กลยุทธ์นี้ดูแทบไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อคะแนนนิยมของแฮร์ริส

ทั้งนี้ โพลล่าสุดของเอ็นพีอาร์/พีบีเอส นิวส์/มาริสต์ พบว่า แฮร์ริสนำทรัมป์ 51-48% ถึงแม้เรียลเคลียร์โพลิติกส์ที่สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศพบว่า แฮร์ริสนำอยู่แค่ 0.5%

(ที่มา : เอเอฟพี/เอเจนซีส์)
กำลังโหลดความคิดเห็น