กองทัพรัสเซียสู้รบกับกองทหารยูเครนเป็นวันที่ 3 เมื่อวันพฤหัสบดี (8 ส.ค.) หลังจากฝ่ายเคียฟบุกเจาะชายแดนหมีขาวด้านแคว้นคูร์สก์ โดยนักวิเคราะห์สหรัฐฯ โหมประโคมว่า กองกำลังยูเครนรุกเข้าไปในแดนรัสเซียได้ 10 กิโลเมตร ขณะที่มอสโกแม้ยอมรับกลายๆ ว่าการสู้รบยังดำเนินอยู่ แต่ก็คุยว่าสามารถสังหารฝ่ายยูเครนเจ็บตายไปหลายร้อยคน
ตามรายงานของฝ่ายกองทัพรัสเซีย กองทหารยูเครน ซึ่งฝ่ายเคียฟเองยังไม่ได้ออกมายืนยันว่าเป็นกองกำลังอาวุธของตน จำนวนราว 1,000 นาย พร้อมด้วยยานยนต์หุ้มเกราะและรถถังกว่า 20 คัน บุกข้ามแดนเข้าสู่แคว้นคูร์สก์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซียตั้งแต่ช่วงเช้าวันอังคาร
ต่อมาเมื่อค่ำวันพุธ (7) ผู้ว่าการคูร์สก์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า ประชาชนนับพันคนอพยพออกจากแนวชายแดนทั้งสองฝั่ง
กระทั่งวันพฤหัสฯ (8 ส.ค.) กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า กองทัพแดนหมีขาวยังเดินหน้าทำลายหน่วยติดอาวุธของยูเครนด้วยการโจมตีทางอากาศ จรวด และปืนใหญ่ รวมทั้งเร่งส่งทหารกองหนุนไปเพิ่มเพื่อป้องกันไม่ให้กองทหารยูเครนเหล่านี้รุกล้ำเข้าสู่แคว้นคูร์สก์ลึกขึ้น ตลอดจนพยายามผลักดันให้ล่าถอยไปจากดินแดนรัสเซีย
ทางด้านสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (ไอเอสดับเบิลยู) ซึ่งเป็นองค์กรคลังสมองที่ตั้งฐานในกรุงวอชิงตัน และพวกผู้บริหารระดับสูงถูกระบุว่าเป็นพวกอนุรักษนิยมใหม่ (นีโอคอน) ที่สนับสนุนยูเครนอย่างชัดเจน แถลงว่า ในช่วง 2 วันแรก กองกำลังยูเครนรุกเข้าไปในดินแดนรัสเซียเป็นระยะทางถึง 10 กิโลเมตร โดยสามารถฝ่าแนวต้านของรัสเซียอย่างน้อย 2 ชั้นและ 1 ฐานที่มั่น
ทางการเคียฟเองยังคงไม่ออกมาประกาศความรับผิดชอบอย่างเป็นทางการ จะมีก็แต่ มิกไคโล โปโดลยัค ผู้ช่วยคนสำคัญของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่โพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันพฤหัสฯ ว่า การสู้รบที่ขยายขอบเขตออกไป การดำเนินการทางทหาร การบังคับอพยพ และการทำลายวิถีชีวิตปกติที่รวมถึงในดินแดนของรัสเซียเองอย่างเช่นแคว้นคูร์สก์ และแคว้นเบลโกร็อดนั้น มีสาเหตุที่แท้จริงมาจากการรุกรานอย่างโจ่งแจ้งของรัสเซีย
ส่วนเซเลนสกีนั้นกล่าวเมื่อวันพุธโดยไม่พาดพิงถึงการโจมตีในคูร์สก์ว่า ยิ่งยูเครนกดดันรัสเซียมากแค่ไหน สันติภาพยิ่งใกล้เข้ามามากขึ้นแค่ไหน สันติภาพที่ยุติธรรมที่ได้มาด้วยกำลังที่ยุติธรรม
วันเดียวกันนั้น ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน วิจารณ์ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็น “การยั่วยุครั้งใหญ่” ของเคียฟ ขณะที่ผู้บัญชาการกองทัพรัสเซียประกาศบดขยี้กองทหารผู้รุกราน
ปูตินหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านกลาโหมและความมั่นคงเกี่ยวกับ “การโจมตีสิ่งปลูกสร้างของพลเรือน ที่พักอาศัย รถพยาบาลด้วยอาวุธหลายประเภท” ของยูเครน พร้อมสั่งให้คณะรัฐมนตรีประสานงานเพื่อช่วยเหลือแคว้นคูร์สก์ที่อยู่ห่างจากมอสโกราว 500 กิโลเมตร
วาเลรี เก-ราสิมอฟ ผู้บัญชาการทหารบก แจ้งปูตินระหว่างการประชุมทางวิดีโอลิงก์ว่า ทหารยูเครนถูกสังหารราว 100 นาย และบาดเจ็บอีกกว่า 200 นาย
ขณะเดียวกัน มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงเมื่อวันพุธว่า การโจมตีของยูเครนทำให้มีชาวรัสเซียเสียชีวิต 2 คนคือ เจ้าหน้าที่แพทย์และคนขับรถพยาบาล
การบุกโจมตีถือเป็นการโจมตีข้ามแดนที่รุนแรงที่สุดและดูจะประสบความสำเร็จมากที่สุดของยูเครนครั้งนี้ ทำให้เหล่าบล็อกเกอร์สงครามทรงอิทธิพลรุมสวดนายทหารระดับสูงของมอสโกยกใหญ่
ยูรี โปโดลยากา บล็อกเกอร์ที่มีสายสัมพันธ์กับกองทัพรัสเซีย โพสต์บนแพลตฟอร์มเทเลแกรมเมื่อวันพฤหัสฯ ว่า สถานการณ์ซับซ้อนและเลวร้ายลง เมืองซุดซาแพ้ราบคาบ
บล็อกเกอร์บางคนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า รับรู้รายละเอียดของสงครามนี้ บอกว่า มีทหารยูเครนอยู่ในคูร์สก์ ขณะที่ช่องดีวา มายอรา บนเทเลแกรมสำทับว่า กองกำลังยูเครนกำลังขุดสนามเพลาะซึ่งบ่งชี้ว่า การสู้รบมีแนวโน้มยืดเยื้อ
ทั้งนี้ การโจมตีของกองกำลังยูเครนมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองซุดซา ที่มีประชากรราว 5,000 คน และอยู่ห่างจากพรมแดนยูเครน 8 กิโลเมตร นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่ากองกำลังยูเครนกำลังมุ่งหน้าสู่เมืองโคเรเนโวที่ห่างจากชายแดนยูเครนกว่า 25 กิโลเมตร
ก่อนหน้านี้กระทรวงกลาโหมรัสเซียชี้ว่า พวกที่บุกโจมตีคูร์สก์คือกลุ่มก่อวินาศกรรมโปรยูเครน แต่ต่อมาได้ระบุว่า ปฏิบัติการนี้เป็นฝีมือกองทัพยูเครน
กลุ่มติดอาวุธโปรเคียฟที่มีพลเมืองรัสเซียปะปนอยู่ด้วย ซึ่งมอสโกบอกว่าแท้จริงคือกองทหารยูเครน ได้เคยบุกข้ามพรมแดนเข้าไปโจมตีรัสเซียมาแล้วหลายครั้ง
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีใครรู้วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนของยูเครน โดยนักวิเคราะห์บางคนคิดว่า เป็นความพยายามบีบให้รัสเซียต้องโยกย้ายกำลังจากแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครนไปช่วยป้องกันชายแดนตัวเอง
ที่วอชิงตัน แครีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงว่า อเมริกากำลังขอคำอธิบายเรื่องนี้จากเคียฟ และสำทับว่า ไม่ได้รับรู้แผนการนี้มาก่อน
ขณะที่แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันว่า ยูเครนไม่ได้ละเมิดนโยบายของอเมริกาที่ห้ามนำอาวุธที่อเมริกาจัดหาให้ไปโจมตีในดินแดนรัสเซีย
(ที่มา : เอเอฟพี/เอพี/รอยเตอร์/เอเจนซีส์)