ราคาน้ำมันขยับขึ้นแรงราว 2 ดอลลาร์ในวันพุธ (7 ส.ค.) หลังพบคลังปิโตรเลียมสำรองสหรัฐฯ ลดลงเกินคาด ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบตามแรงฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ทองคำปรับขึ้นในกรอบแคบๆ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 2.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.85 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯ พบว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศลดลง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยลดลง 3.7 ล้านบาร์เรล เหลือ 429.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะลดลงราว 700,000 บาร์เรล บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่งภายในชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันพุธ (7 ส.ค.) หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฉุดแนสแดคขยับลง 1% ขณะที่อุปสงค์ที่อ่อนแอต่อการประมูลพันธมิตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี โหมกระพือการซื้อขายที่ผันผวน
ดาวโจนส์ ลดลง 234.21 จุด (0.60 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 38,763.45 เอสแอนด์พี ลดลง 40.53 จุด (0.77 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,199.50 จุด แนสแดค ลดลง 171.05 จุด (1.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,195.80 จุด
วอลล์สตรีทเริ่มต้นในแดนบวกจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก่อนที่สูญเสียแรงขับเคลื่อนในการซื้อขายช่วงบ่าย โดยนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับแรงเทขายอย่างหนักในตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อเร็วๆ นี้ ท่ามกลางอุปสงค์ที่อ่อนแอต่อการประมูลพันธมิตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี
พวกนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ และการคาดการผลประกอบการที่อ่อนแอจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกาบางแห่ง
ด้านราคาทองคำปิดในกรอบแคบๆ ในวันพุธ (7 ส.ค.) หลังดอลลาร์แข็งค่าและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้น โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 80 เซนต์ ปิดที่ 2,432.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)