xs
xsm
sm
md
lg

ได้ทีขยี้! ทรัมป์ชี้ตลาดหุ้น US-ทั่วโลกดิ่งเหว ผลจากการบริหารงานของเดโมแครต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 อาศัยจังหวะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และทั่วโลกดิ่งลงอย่างหนัก กล่าวโทษการบริหารงานของรัฐบาลพรรคเดโมแครต

ตัวแทนพรรครีพับลิกันระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ซึ่งคนหลังเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวแข่งกับเขา คือบุคคลที่ต้องรับผิดชอบต่อพายุทางการเงินที่เกิดขึ้น

ทรัมป์ กล่าวหา ไบเดนและแฮร์ริส ในข้อความที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์เมื่อวันอาทิตย์ (4 ส.ค.) เขียนว่า "ตลาดหุ้นพังครืน ผมบอกคุณแล้ว!! กมลา ไม่รู้อะไรเลย ส่วนไบเดนก็เหมือนกับหลับใหล ทุกสาเหตุมีต้นตอจากสหรัฐฯ มีผู้นำไม่เหมาะสม"

วอลล์สตรีทดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ (2 ส.ค.) ท่ามกลางแรงเทขายของนักลงทุน การร่วงลงของแนสแดค เท่ากับเป็นการกวาดมูลค่าตลาดหายไปกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในเวลาแค่ราว 3 สัปดาห์ ขณะที่หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลเพรส ให้คำจำกัดความสถานการณ์ดังกล่าว ว่า เป็นการปรับฐานตามหลังการพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ของหุ้นบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ อันสืบเนื่องจากในความก้าวหน้าต่างๆ ของเทคโนโลยีไอเอ

อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์ (5 ส.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอีกกว่า 1,000 จุด ส่วนแนสแดค ปรับลดอีก 576 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ มีต้นตอจากรายงานการจ้างงานเดือนกรกฎาคมที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (2 ส.ค.)

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 177,000 ตำแหน่ง และชะลอตัวจากระดับ 179,000 ตำแหน่งในเดือน มิ.ย.

ขณะที่อัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.2021 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.1%

นักลงทุนมองว่าความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เกิดจากการที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยช้าเกินไป โดยล่าช้ากว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปก่อนหน้านี้ ขณะที่เฟดยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 23 ปี

ความเคลื่อนไหวของวอลล์สตรีท ส่งผลกระทบเป็นระลอกคลื่นไปยังตลาดต่างๆ ในต่างแดนเช่นกัน ยกตัวอย่างนิกเกอิของญี่ปุ่น ปรับลด 5.8% เมื่อวันศุกร์ (2 ส.ค.) ส่วนตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายในวันจันทร์ (5 ส.ค.) ลดลง 8.41 จุด หรือ 2.93% โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่าปัจจัยหลักมาจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอยลง หลังตัวเลขว่างงานเพิ่มมากขึ้นกว่าที่ประเมินไว้

(ที่มา : อาร์ทีนิวส์/เอเจนซี)


กำลังโหลดความคิดเห็น