รัฐบาลออสเตรเลียปรับเพิ่มการเตือนภัยก่อการร้ายในประเทศจาก “น่าจะเป็น” (possible) ขึ้นสู่ระดับ “เป็นไปได้” (probable) หลังพบว่าการแสดงแนวคิดสุดโต่งเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้โอกาสที่จะมีผู้คิดวางแผนก่อการร้ายเพิ่มเป็นกว่า 50% ภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า
นายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบานีส แห่งออสเตรเลียแถลงว่า ตนได้ยกระดับการเตือนภัยก่อการร้ายตามคำแนะนำจากหน่วยงานด้านความมั่นคง แต่ย้ำว่ายังไม่มีภัยคุกคามเฉพาะหน้าที่จะเกิดเร็วๆ นี้
“คำแนะนำที่เราได้รับมาก็คือ คนออสเตรเลียเปิดรับแนวความคิดแบบสุดโต่งที่หลากหลายมากขึ้น จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องเฝ้าระวัง” ผู้นำแดนจิงโจ้ระบุในงานแถลงข่าว
ก่อนหน้านี้ ออสเตรเลียเคยปรับลดคำเตือนลงไปอยู่ที่ “น่าจะเป็น” ในช่วงปี 2022 หลังจากที่คงไว้ในระดับ “เป็นไปได้” มานานถึง 8 ปีเต็ม
ไมค์ เบอร์เกสส์ ผู้อำนวยการองค์การข่าวกรองด้านความมั่นคงแห่งออสเตรเลีย (Australian Security Intelligence Organisation) ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองหลักของแดนจิงโจ้ชี้ว่า สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสที่ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้องมีการยกระดับเตือนภัยก่อการร้าย
“สงครามได้กระพือความคับแค้นใจ จุดชนวนการประท้วง บ่อนทำลายความเป็นปึกแผ่นของสังคม และทำให้การไม่อดทนอดกลั้น (intolerance) เพิ่มสูงขึ้น” เบอร์เกสส์ อธิบาย
ออสเตรเลียเริ่มเผชิญเหตุโจมตีที่รุนแรงหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ซึ่งบางกรณีถูกระบุว่ามีแรงจูงใจจากแนวคิดสุดโต่ง
เมื่อเดือน เม.ย. ตำรวจออสเตรเลียระบุว่าเหตุคนร้ายใช้มีดแทงพระบิชอป และสาวกในโบสถ์อัสซิเรียนที่นครซิดนีย์เข้าข่ายเป็นคดีก่อการร้าย และสันนิษฐานว่าผู้ก่อเหตุน่าจะมีแนวคิดรุนแรงทางศาสนา
ที่มา : รอยเตอร์