อินเทล (Intel) หนึ่งในผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ เตรียมปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่ โดยจะลดจำนวนพนักงานลง 15,000 ตำแหน่ง หลังผลกำไรปีต่อปีในช่วงไตรมาส 2 ลดลงถึง 85% สวนทางกับบริษัทคู่แข่งอย่าง AMD เพิ่งแถลงตัวเลขกำไรเป็นกอบเป็นกำจากอานิสงส์ยอดขาย “ชิปเอไอ” ที่กำลังมาแรง
ในระยะเวลา 3 เดือนที่สิ้นสุดในวันที่ 29 มิ.ย. Intel ทำรายได้ทั้งหมด 12,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 1% เมื่อเทียบปีต่อปี ในขณะที่ผลกำไรสุทธิลดฮวบถึง 85% ลงมาอยู่ที่ 83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในทางกลับกัน AMD ประกาศตัวเลขรายได้เพิ่มขึ้น 9% มาอยู่ที่ 5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กำไรสุทธิก็เพิ่มขึ้นถึง 19% มาอยู่ที่ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีปัจจัยเกื้อหนุนจากยอดจำหน่ายชิปให้บรรดาศูนย์ข้อมูลเอไอ
“ผลกำไรในไตรมาส 2 ค่อนข้างน่าผิดหวัง แม้ว่าโรดแมปในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการจะคืบหน้าอย่างต่อเนื่องก็ตาม” แพท เกลซิงเกอร์ ซีอีโอของ Intel ระบุในรายงานผลประกอบการ
ด้าน เดวิด ซินสเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ชี้ว่าผลกำไรที่ย่ำแย่ในไตรมาส 2 “เป็นผลมาจากการที่เราเร่งรัดพัฒนาผลิตภัณฑ์เอไอสำหรับ PC” ประกอบกับ “รายจ่ายที่สูงผิดปกติในธุรกิจที่ไม่ใช่แกนหลัก (non-core businesses) และรายจ่ายที่เกี่ยวกับศักยภาพซึ่งไม่ได้ถูกนำมาใช้งาน”
Intel ยอมรับว่า การถูกถอดใบอนุญาตส่งออกผลิตภัณฑ์บางอย่างให้ “หัวเว่ย” (Huawei) เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ส่งผลกระทบต่อรายได้ในช่วงไตรมาส 2 และการที่สหรัฐฯ ยังคงใช้มาตรการคุมเข้มสินค้าส่งออกไปจีนก็คาดว่าจะ “ส่งผลในเชิงลบพอประมาณ” ต่อรายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาสปัจจุบันที่จะสิ้นสุดในเดือน ก.ย.
หัวเว่ย ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของจีนถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำควบคุมการส่งออกตั้งแต่ปี 2019 ทว่าบริษัทอเมริกันหลายๆ เจ้ารวมถึง Intel ยังคงได้รับการผ่อนผันให้สามารถขายชิปบางตัวที่ไม่ใช่ชิปขั้นสูงให้หัวเว่ยได้
เดิมทีใบอนุญาตที่ว่านี้จะหมดอายุในช่วงปลายปี 2024 ทว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้สั่งถอนใบอนุญาตก่อนกำหนดเมื่อเดือน พ.ค. หลังจากที่หัวเว่ยมีการเปิดตัวแลปท็อป MateBook X Pro ที่ใช้ซีพียู Core Ultra 9 รุ่นใหม่ของ Intel เป็นขุมพลังในการประมวลผล
ในขณะที่ Nvidia ก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ผู้นำด้านชิปเอไออยู่ในตอนนี้ AMD และ Intel ก็แข่งกันอย่างหนักเพื่อที่จะเป็น “เบอร์ 2” โดยมุ่งเน้นพัฒนาเอไอที่ใช้งานร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ PC ทว่ายอดขายของ AMD นั้นยังเติบโตแรงกว่า Intel มากในช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมา
ด้วยเหตุนี้ Intel จึงตั้งเป้าที่จะ “เพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน” ด้วยแผนปรับโครงสร้างเพื่อลดรายจ่ายลง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 ซึ่งรวมถึงการปลดพนักงานออก 15,000 คน หรือประมาณ 15%
Intel เป็นผู้ผลิตชิปสัญชาติอเมริกันรายเดียวที่มีโรงงานผลิตชิป (fabs) เป็นของตัวเอง และบริษัทจะได้รับเงินอุดหนุน 8,500 ล้านดอลลาร์ รวมถึงวงเงินกู้อีก 11,000 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์รุ่นล้ำสมัย ซึ่งถือเป็นเงินทุนสนับสนุนสูงสุดที่สหรัฐฯ มอบให้ภายใต้กฎหมาย CHIPS and Science Act
ที่มา : Nikkei Asia