xs
xsm
sm
md
lg

น้ำมันฟื้นแรงผวาเหตุสังหารผู้นำฮามาส หุ้นสหรัฐฯ บวกหลังเฟดคงดอกเบี้ยแต่แย้มปรับลด ก.ย.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ราคาน้ำมันฟื้นตัวแรงในวันพุธ (31 ก.ค.) จากระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ หลังเหตุลอบสังหารผู้นำฮามาสในอิหร่านโหมกระพือความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก เฟดคงอัตราดอกเบี้ย แต่บ่งชี้อาจเริ่มผ่อนคลายนโยบายทางการเงินในเดือนกันยายน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 3.18 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 2.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 80.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ความตึงเครียดในตะวันออกกลางทวีความร้อนแรงขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน จากข่าว อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฮามาส ถูกลอบสังหารในอิหร่าน ก่อความกังวลแผ่ลามสงครามในวงกว้าง

เหตุการณ์นี้มีขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากรัฐบาลอิสราเอลอ้างว่าพวกเขาสังหารผู้บัญชาการระดับอาวุโสที่สุดของฮิซบอลเลาะห์ในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน แก้แค้นเหตุยิงจรวดถล่มที่ราบสูงโกลัน ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของอิสราเอล ในวันเสาร์ (27 ก.ค.)

ส่วนราคาทองคำปรับขึ้นในวันพุธ (31 ก.ค.) ปิดตลาดก่อนหน้าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะแถลงเกี่ยวกับผลการประชุมด้านนโยบายทางการเงิน โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 21.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,473.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ในส่วนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (31 ก.ค.) ปิดบวก โดยเอสแอนด์พี500 และแนสแดคดีดตัวขึ้น จากแรงหนุนหุ้นกลุ่มชิปและผลการประชุมเฟดที่คงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม แต่บ่งชี้ว่าจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายทางการเงินในเดือนกันยายน หากว่าเงินเฟ้อเบาลง

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 99.46 จุด (0.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 40,842.79 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 85.86 จุด (1.58 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,522.30 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 451.98 จุด (2.64 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,599.40 จุด

เฟดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิมที่ 5.25-5.50% หลังปิดฉากการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน 2 วัน ในวันพุธ (31 ก.ค.) แต่เปิดประตูสำหรับปรับลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน หรือราว 7 สัปดาห์ ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน

ระหว่างการแถลงข่าว เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดบอกว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินได้หารือเกี่ยวกับกรณีการปรับลดดอกเบี้ย แต่เสียงส่วนใหญ่เห็นพ้องว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม

(ที่มา : รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น