ลูอิซ อินาซิโอ “ลูลา” ดา ซิลวา ประธานาธิบดีบราซิล และ โจ ไบเดนผู้นำของอเมริกา เห็นพ้องกันในวันอังคาร (30 ก.ค.) ว่ารัฐบาลเวเนซุเอลาต้องรีบเผยแพร่ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จัดขึ้นช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างละเอียดโดยเร็ว เพื่อยุติวิกฤตการณ์ที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันแห่งนี้กำลังเผชิญอยู่ ขณะที่ในวันเดียวกัน ผู้นำฝ่ายค้านของเวเนซุเอลาเดินหน้าเรียกร้องมวลชนออกมาชุมชุมอย่างสันติ แม้ถูกทางการข่มขู่จับกุม และหลังจากเมื่อวันจันทร์ (29) มีผู้ประท้วงต้องสังเวยชีวิตไป 12 คนและบาดเจ็บอย่างน้อย 177 คน
ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันอังคารว่า ระหว่างการหารือทางโทรศัพท์นาน 30 นาทีเมื่อวันอังคาร ลูลาและไบเดนเห็นพ้องถึงความจำเป็นที่รัฐบาลเวเนซุเอลาต้องเปิดเผยผลการนับคะแนนการเลือกตั้งฉบับเต็มที่โปร่งใสและละเอียดทันที โดยผู้นำบราซิลยืนยันว่า บราซิลและอเมริกาจะรอผลการนับคะแนนก่อนที่จะประกาศจุดยืนสุดท้ายสำหรับการเลือกตั้งในเวเนซุเอลา
ทว่าคณะบริหารไบเดนดูเหมือนมีจุดยืนที่ชัดเจนไปเรียบร้อยแล้ว โดยแถลงเสริมว่า การโกงการเลือกตั้งทำลาย “ความน่าเชื่อถือ” ของข้อกล่าวอ้างในชัยชนะของประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร พร้อมกับเตือนว่าวอชิงตันยังเปิดทางเลือกสำหรับการเพิ่มมาตรการแซงก์ชันเวเนซุเอลา
ทางด้านลูลาให้สัมภาษณ์กับเครือข่ายทีวีโกลโบ ของบราซิล ว่า เวเนซุเอลาต้องเปิดเผยผลการนับคะแนนเพื่อยุติข้อพิพาท และสำทับว่า ถ้ารัฐบาลยืนยันชัยชนะของมาดูโร ผลการนับคะแนนจะต้องเป็นที่รับรู้และยอมรับ
ทั้งนี้ ลูลาสรุปสถานการณ์การเลือกตั้งในเวเนซุเอลากับไบเดนตามที่ได้รับรายงานมาจากเซลโซ อะมอริม อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศและขณะนี้รับหน้าที่ที่ปรึกษาด้านกิจการต่างประเทศ ซึ่งถูกส่งไปยังกรุงการากัสเพื่อติดตามการเลือกตั้งของเวเนซุเอลา
สำหรับที่เวเนซุเอลา ผู้ประท้วงออกมาชุมนุมอย่างสันติในหลายเมืองทั่วประเทศในวันอังคาร โดยมีการโบกธงและเรียกร้องให้มาดูโรยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (28)
ในกรุงการากัส ผู้สนับสนุนหลายพันคนร่วมชุมนุมกับ เอดมุนโด กอนซาเลซ อูร์รูเทีย ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของฝ่ายค้าน และ มาเรีย คอรินา มาชาโด ผู้นำฝ่ายค้านที่ถูกกีดกันตัดสิทธิ์ไม่ให้ลงเลือกตั้ง โดยมีการตะโกนว่า “เผด็จการมาดูโร!” และ “ประธานาธิบดีเอดมุนโด”
เมื่อวันจันทร์ (29) มีรายงานว่า กองกำลังความมั่นคงยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่ผู้ประท้วงที่อ้างว่า ชัยชนะของประชาชนถูกปล้น
กลุ่มสิทธิมนุษยชน โฟโร พีนัล ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 2 คน จาก “วิกฤตสิทธิมนุษยชน” นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 177 คน ขณะที่ทางการรายงานว่า จับกุมผู้ประท้วงกว่า 700 คน และกองทัพแถลงว่า ทหารเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 23 นาย
ทั้งนี้ ฝ่ายค้านปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของทางการที่ระบุว่า มาดูโรได้คะแนนเลือกตั้ง 51% ส่วนกอนซาเลซ อูร์รูเทียได้เพียง 44% โดยที่พวกสำนักจัดทำโพลอิสระคาดว่า กอนซาเลซ อูร์รูเทีย ชนะถล่มทลายด้วยคะแนน 74%
ท่ามกลางเสียงเรียกร้องดังขึ้นจากนานาชาติให้เวเนซุเอลาเปิดเผยผลการนับคะแนนอย่างโปร่งใส คาร์เตอร์ เซ็นเตอร์ของอเมริกาที่เดินทางไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งในเวเนซุเอลา ระบุว่า การเลือกตั้งของประเทศนี้ต่ำกว่ามาตรฐานในด้านความเป็นธรรมตามระบอบประชาธิปไตย นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่รัฐยังพยายามจำกัดกิจกรรมการหาเสียงของฝ่ายค้านบ่อยครั้ง ซึ่งรวมถึงการข่มขู่หรือคุกคามผู้ที่จัดหาบริการหรือสินค้าให้ทีมหาเสียงของฝ่ายค้าน
คำแถลงของคาร์เตอร์ เซ็นเตอร์สำทับว่า สภาการเลือกตั้งแห่งชาติเวเนซุเอลา ที่ประกาศว่า มาดูโรได้ชัยชนะและจะได้ครองอำนาจต่อจนถึงปี 2031 นั้น แสดงออกอย่างชัดเจนว่า เอนเอียงเข้าข้างมาดูโร
ทว่า มาดูโรยังคงเพิกเฉยต่อกระแสกดดันจากภายนอก และประกาศว่า ฝ่ายค้านจะต้องรับผิดชอบการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง การบาดเจ็บล้มตาย และความเสียหายที่สืบเนื่องจากการประท้วง
ในการปราศรัยทางทีวี มาดูโรยังร้องขอความช่วยเหลือจากจีนและรัสเซียโดยระบุว่า ระบบเลือกตั้งของประเทศถูกโจมตี พร้อมกล่าวหา อีลอน มัสก์ นักธุรกิจพันล้านของอเมริกาโดยไม่ได้แสดงหลักฐานใดๆ
วลาดิมีร์ ปาดริโน รัฐมนตรีกลาโหม ขานรับว่า กำลังมีความพยายามก่อรัฐประหาร และย้ำว่า กองทัพจะกำจัดกลุ่มคนเหล่านั้น
ทาเร็ก วิลเลียม ซาบ อัยการสูงสุด แถลงว่า เจ้าหน้าที่จับกุม “อาชญากร” 749 คนจากการประท้วง ซึ่งจะถูกตั้งข้อหาขัดขืนคำสั่งของเจ้าหน้าที่หรือก่อการร้าย
จอร์จี โรดริเกซ ผู้ช่วยคนสนิทของมาดูโรและประธานสภาแห่งชาติ ประกาศว่า กอนซาเลซ อูร์รูเทีย และมาชาโดต้องถูกคุมขังจากการก่ออาชญากรรมของผู้ประท้วง
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)