ประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน สู้อุตส่าห์ฝืนทนต่อสู้เพื่อรักษาชีวิตทางการเมืองอยู่เป็นนานหลายสัปดาห์ โดยยืนยันแข็งขันว่าจะไม่ถอยไปไหนทั้งนั้นแม้จะเสียหน้าหนักหนาจากดีเบตอัปยศ แมตช์ประชันวิสัยทัศน์กับ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อ 27 มิถุนายน 2024 แต่แล้ว ท่านไบเดนผู้อยู่ในวัยงกๆ เงิ่นๆ 81 กะรัต พร้อมอาการอัลไซเมอร์ประปราย ก็โพสต์ขึ้นโซเชียลมีเดีย ประกาศถอนตัวจากศึกเลือกตั้งอย่างปุบปับและเรียบง่ายในบ่ายวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2024 ทั้งที่เคยหมายมั่นอย่างทรหดว่าจะไฝว้ทุกอุปสรรคเพื่อให้ได้ครองตำแหน่งประธานาธิบดีต่อเนื่องสมัยที่สอง
ซีเอ็นเอ็น สื่อยักษ์อเมริกันระดับเจ้าพ่อ ฟันประเด็นขึ้นมาว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยที่ประธานาธิบดีอเมริกันจะถอนตัวจากการแข่งขันชิงตำแหน่งสมัยที่สอง อย่างกะทันหันกระชั้นชิดกับวันเลือกตั้งเยี่ยงนี้ คือราวสามเดือนเท่านั้น!! หนำซ้ำ เมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รูปการณ์ยังปรากฏชัดเจนว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำหนดท่าทีตนเองไว้ดื้อดึงขั้นสุด ในอันที่จะตีมึน ไม่รู้ไม่ชี้กับแรงกดดันให้ถอนตัว โดยหวังจะลอยลำผ่านหายนะแห่งการดีเบตที่พ่ายแพ้ไม่เป็นท่าให้แก่สังขารของตนเอง เมื่อเดือนที่แล้ว ในเมืองแอตแลนตา
ด้านเดลิเมลออนไลน์รายงานความรู้สึกของหลายคนในทีมรณรงค์เลือกตั้งฝ่ายไบเดนว่า เสียความรู้สึกกับการประกาศข่าวอย่างปุบปับ แต่ไม่ได้ประหลาดใจ เพราะเป็นที่รู้เห็นกันอย่างชัดเจนว่าแรงกดดันให้ไบเดนถอนถอยออกจากการแข่งขันนั้น มาจากทศทิศ ทั้งจากบรรดาผู้นำผู้มากบารมีแห่งพรรคเดโมแครต ทั้งจากสมาชิกรัฐสภา ทั้งจากท่านๆ ผู้บริจาคเงินสนับสนุนพรรค และทั้งจากผลโพลต่างๆ ที่ฟ้องออกมาแจ่มแจ้งถึงหายนะครั้งใหญ่ของเดโมแครต หากปู่ไบเดนเดินหน้าต่อสู้กับโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ซึ่งได้คะแนนนิยมทิ้งห่างมากขึ้นเรื่อยๆ
ประธานาธิบดีไบเดนไม่สามารถต้านทานแรงกดดันโหดๆ ยื้อเยื้อ กัดไม่ปล่อย ที่เกิดขึ้นหลังฉากและที่ปรากฏโจ่งแจ้งบนเวทีสาธารณะได้อีกต่อไป เพราะกระแสบีบคั้นต่อต้านไบเดนนั้น เดินหน้าสะสมโมเมนตัมหนักข้อมากขึ้นๆ ในทุกๆ วันที่ผันผ่าน เนื่องจากการแข่งขันครั้งนี้มีเดิมพันสูงล้น ไม่เฉพาะแค่การเลือกตั้งประธานาธิบดี หากยังรวมถึงการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย ซีเอ็นเอ็นชี้ไว้อย่างนั้น
พร้อมกับย้ำถึงการเดินเกมผิดพลาดของทีมรณรงค์เลือกตั้งของไบเดนว่า ทุกสิ่งที่ประธานาธิบดีไบเดนกับทีมหาเสียงพยายามจะดำเนินการ เพื่อผ่อนคลายความหวาดวิตกของพลพรรคชาวเดโมแครตนั้น ล้วนล้มเหลว ไม่อาจจะพลิกมุมมองของฝ่ายต่างๆ ได้เลยว่าประธานาธิบดีไบเดนไม่ได้แก่หง่อมเกินแกง
พราะข้อเท็จจริงปรากฏโทนโท่ว่าอายุขัยที่เกินเลยไปมากมายเหลือเกิน (ตอนที่ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นประธานาธิบดีที่แก่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน) และสุขภาพที่เปราะบางอ่อนล้าสุดจะฟื้นฟู เป็นปัจจัยชี้ขาดให้ไบเดนหมดโอกาสจะเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกล้างตาแห่งการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 นี้ได้
และที่สำคัญอย่างอุกฤษฏ์คือ ประดาผู้บริจาคเงินสนับสนุนพรรคเดโมแครตพากันโกรธจัด เพราะรู้สึกถูกหลอกถูกปิดปังข้อมูลเรื่องปัญหาสุขภาพแท้จริงของโจเซฟ ไบเดน
ด้วยการส่งกระทู้ 2 อันขึ้นโพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ (21) ไบเดนประกาศถอยออกจากศึกเลือกตั้ง พร้อมกับส่งความสนับสนุนไปยังรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ให้เป็นตัวแทนพรรคเข้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี ด้วยหวังว่าจะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือภายในพรรคเดโมแครต แล้วร่วมใจกันฉลุยผ่านความโกลาหลทั้งปวงที่ท่วมทับชาวเดโมแครตมาอย่างต่อเนื่อง
ซีเอ็นเอ็นนำเสนอคำอธิบายสถานการณ์ที่พลิกผันอย่างปุบปับ ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ขึ้นไปบนเว็บข่าวเมื่อใกล้เที่ยงคืนของวันอาทิตย์ (21)
แต่แล้ว ใน 15 ชั่วโมงต่อมา หรือก็คือช่วงบ่ายๆ ของวันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม 2024 นิวยอร์กโพสต์ ซึ่งอ้างแหล่งข่าวหลายรายระดับคนวงในของไบเดน ตลอดจนคนใกล้ชิดครอบครัวไบเดน ได้นำเสนอคำอธิบายอีกชุดหนึ่ง ซึ่งมีเบื้องลึกเบื้องหลังอันโหดสนิทศิษย์ส่ายหน้า อันมีสาระสำคัญว่า
ที่แท้ ก็เป็นบรรดาผู้ทรงอำนาจทรงอิทธิพลในระดับสูงสุดๆ ของพรรคเดโมแครตนั่นแล ที่ทำการหักคอประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน ให้ยอมถอนตัวจากศึกเลือกตั้ง 2024 ประมาณว่า จะถอยออกจากการแข่งขันไปดีๆ อย่างมีศักดิ์ศรี หรือว่าเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลายจะต้องใช้ “บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25” กระชากตัวพ้นออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี แหล่งข่าวคนวงในของไบเดน ซึ่งไม่ยอมเจ็บปวดฝ่ายเดียว ทำการเปิดเผยข้อมูลแก่นิวยอร์กโพสต์
‘การรัฐประหารเงียบ ไร้ความโฉ่งฉ่าง’ ที่ฝ่ายต่างๆ ร่วมดำเนินการอย่างพร้อมเพรียง เพื่อสกัดกั้นประธานาธิบดีไบเดนไม่ให้เดินหน้าฟันฝ่าสู่การครองตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่สอง เพราะมีโอกาสแพ้แน่นอน นั้น จัดทำกันมาอย่างต่อเนื่องหลายสัปดาห์ ขณะที่โจเซฟ ไบเดน ผู้ไม่ยอมพ่ายแพ้ ก็สู้อย่างทรหด แลกกันหมัดต่อหมัด แหล่งข่าวใกล้ชิดครอบครัวไบเดนเปิดเผยกับนิวยอร์กโพสต์ในวันจันทร์ (22)
คนวงในรายนี้เล่าอย่างกระจ่างถึงความโกรธ ความหวาดระแวง และความเจ็บปวดคับข้องใจที่โจเซฟ ไบเดน แสดงให้เห็น ขณะถูกบรรดาผู้นำพรรคเดโมแครตรุมล้อมกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ
กลยุทธ์บ่อนทำลายรายการหนึ่งซึ่งซับซ้อนสุดๆ ในอันที่จะขจัดไบเดนออกจากความเป็นตัวแทนพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ก็คือ การปล่อยให้ไบเดนออกไปเจ๊งไม่เป็นท่าบนเวทีดีเบตประชันวิสัยทัศน์ดวลฝีปากกับโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 27 มิถุนายน 2024
ดีเบตประเพณีนี้ที่จัดขึ้นเร็วกว่าครั้งใดๆ ในประวัติศาสตร์แห่งศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี เป็นส่วนหนึ่งของแผนคว่ำประธานาธิบดีไบเดน แบบว่า... พอทีมยุทธศาสตร์หาเสียงของไบเดนดำริขึ้นมา และไบเดนก็ซื้อไอเดียพร้อมกับประกาศขอไว้บนโซเชียลมีเดีย ฝ่ายรัฐประหารก็รีบประสานอำนวยการให้ทันที
“ดีเบตครั้งนี้เป็นการวางกับดักเล่นงานไบเดน เพื่อทำให้ผู้คนในพรรคเดโมแครตเชื่อว่า ไบเดนหมดสภาพที่จะเอาชนะศึกเลือกตั้ง” แหล่งข่าวคนวงในของไบเดนกล่าวไว้กับนิวยอร์กโพสต์อย่างนั้น
นิวยอร์กโพสต์รายงานว่าบรรดานักการเมืองในค่ายเดโมแครตเสียขวัญหนักเลย ที่ได้เห็นประธานาธิบดีไบเดนออกอาการไม่ปกติอย่างยิ่ง คือทั้งแก่หง่อม เหลือพลังให้ออกมาต่อสู้ได้เพียงกะปริดกะปรอย และทั้งออกอาการอัลไซเมอร์ ซึ่งโผล่แพลมในขณะซีเอ็นเอ็นถ่ายทอดสดการดีเบตประชันวิสัยทัศน์จากห้องส่งเมืองแอตแลนตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีบ่อยครั้งเชียวที่จิตใจของไบเดนหลงหายไปในอวกาศ อ้าปากค้าง และเหม่อมองไร้โฟกัสเป็นนานหลายวินาที
แม้ร่างกายและจิตใจอ่อนล้าเสื่อมสภาพตามความชราของประธานาธิบดีไบเดน จะนำมาซึ่งความอัปยศเพราะพ่ายแพ้เละเทะในแมตช์ดีเบตนี้ แต่ในเมื่อไบเดนครองสิทธิแห่งการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไว้เรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีใครสามารถเข้าไปตัดรอนสิทธินี้ได้ สิ่งที่ไบเดนและทีมรณรงค์เลือกตั้งเลือกที่จะทำ ก็คือยืนหยัดต่อสู้ไปเรื่อยๆ (เผื่อว่าคนอเมริกันส่วนใหญ่ยังเข็ดขยาดกับยุคสมัยที่โดนัลด์ ทรัมป์ ครองอำนาจ และจะยอมเลือกผู้แทนจากเดโมแครต เพื่อปิดกั้นไม่ให้โดนัลด์ ทรัมป์กลับมา)
เดลิเมลออนไลน์รายงานว่า ทีมรณรงค์เลือกตั้งของไบเดนระดมกำลังกันแก้ต่างให้แก่นายใหญ่ มีการยกขบวนไปพูดออกโทรทัศน์และเขียนขึ้นโซเชียลมีเดียว่า ดีเบตหายนะเมื่อ 27 มิถุนายนเป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้ในวันคืนที่ดวงไม่ดี พร้อมกับคอยย้ำถึงความเป็นตัวแทนพรรคเข้าชิงชัยในศึกเลือกตั้ง ตลอดจนยืนยันว่าตัวแทนพรรคเดโมแครตคนนี้จะไม่ยอมถอนตัว และจะสู้ไม่ถอย ขอให้ชาวเดโมแครตและผู้สนับสนุนเดโมแครต “รักษาศรัทธาไว้ให้มั่นคง”
ไล่เรียงดูได้เลย คนดื้อชื่อโจ ไบเดน สุดๆ กับการไม่รู้ไม่ชี้ต่อเรื่องสังขารทรุดโทรม เกินกว่าที่พรรคและพวกจะปล่อยไว้ แล้วทำให้ “เดโมแครต” เสียหาย
ตั้งแต่ก่อนการปล่อยคลิปเตะตัดขาประธานาธิบดีไบเดน ที่ไวรัลไปทั่วโลกออนไลน์ อันเป็นคลิปแฉด้วยภาพว่าไบเดนมีอาการอัลไซเมอร์ สมองเสื่อม ครองสติไม่ค่อยได้ จิตใจเอ๋อเหม่อลอย เมื่อกลางเดือนมิถุนายน 2024 นั้น ก็มีอุบัติเหตุความหง่อมชราปรากฏเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คราวที่ไปสะดุดและถลาล้มลงบนพื้นเวทีมอบวุฒิบัตรผู้สำเร็จการศึกษาสถาบันนายเรืออากาศสหรัฐอเมริกา เมื่อ 31 พฤษภาคม 2024
แม้โจเซฟ ไบเดน ต้องประสบกับอุบัติเหตุชีวิตทั้งปวง แต่ก็ทำจิตแข็ง ลอยลำ
ผ่านพ้นมาได้ตลอด ก่อนที่ภาพลักษณ์ย่ำแย่ของไบเดนจะพุ่งพีกขั้นสุดในคราวการดีเบตหายนะเมื่อ 27 มิถุนายน 2024 อันเป็นแมตช์ประชันวิสัยทัศน์รอบแรกระหว่างไบเดน (81 กะรัต) ตัวแทนพรรคเดโมแครตเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสำหรับปี 2025-2029 กับโดนัลด์ ทรัมป์ (78 กะรัต) ตัวแทนพรรครีพับลิกัน
สมรรถภาพของประธานาธิบดีไบเดน วัย 81 กะรัต ย่างเข้าสู่ 82 ในวันที่ 20 พฤศจิกายนศกนี้ น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ทั้งอ่อนล้า ทั้งพูดออกอ่าว พูดตะกุกตะกัก ทั้งเหม่อขาดสติเป็นระยะๆ หนละสั้นๆ
อาการแก่ชราและแว่วๆ จะเข้าสู่ภาวะอัลไซเมอร์เหล่านี้ สร้างความระส่ำระสาย เสียขวัญกันไปทั่ว ทั้งภายในแวดวงนักการเมืองค่ายเดโมแครต ฐานเสียงที่สนับสนุนเดโมแครต ตลอดจนฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายทุนพรรค ซึ่งพากันเคืองว่าอาการขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่แจ้งทราบมาบ้างเลย
จึงเป็นธรรมดาที่จะมีการกระซิบหลังไมค์กันทั่วประเทศว่า ต้องหาแคนดิเดตใหม่มาทำหน้าที่แทนปู่โจ ไบเดน โดยไว
ด้านไบเดนและบรรดาผู้ช่วยในทีมรณรงค์เลือกตั้งพยายามไกล่เกลี่ยรอมชอมว่า สภาพการณ์วันดีเบตที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เพลี่ยงพล้ำพ่ายแพ้ให้แก่อดีตประธานาธิบดีนามว่า ทรัมป์ นั้น เป็นอุบัติเหตุแห่งวันคืนที่ดวงไม่ดี และไปโทษว่าทริปที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นตัวการที่ทำให้ร่างกายบอบช้ำอ่อนเพลีย พร้อมสัญญิงสัญญาจะแก้มือใหม่ในดีเบตรอบต่อไป โดยจะโชว์แสนยานุภาพให้เหนือชั้นขั้นสุด
แล้วโจเซฟ ไบเดนก็รีบกลับไปเดินหน้าปราศรัยหาเสียงทันทีตามกำหนดการที่เตรียมไว้ คือ ที่สนามนอร์ทแคโรไลนา และปรากฏว่าการปราศรัยของไบเดนบนเวทีเต็มไปด้วยความคึกคักห้าวเป้งตามมาตรฐานปกติ พร้อมนี้ไบเดนประกาศย้ำจะสู้ไม่ถอย จะเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สำเร็จ
หลังจากนั้น ไบเดนกับครอบครัวเข้าสู่เซสชันทบทวนกลยุทธ์ที่แคมป์เดวิดในช่วงวีคเอนด์ 29-30 มิถุนายน และผลสรุปออกมาว่าไบเดนจะยืนหยัดใช้สิทธิผู้แทนพรรคเดโมแครตเพื่อเอาชนะศึกเลือกตั้ง
กระนั้นก็ตาม ชาวเดโมแครตไม่สามารถทำใจให้ยอมรับคำแก้ตัวหรือคำสัญญาทั้งปวง
ซีเอ็นเอ็นรายงานว่าประเด็นปัญหาสำคัญเหนือสิ่งใดนั้น ไม่มีอะไรซับซ้อน กล่าวคือ บรรดาผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่รู้สึกว่าไบเดนสามารถรับภารกิจประธานาธิบดีต่อไปอีก 4 ปี และวันดีเบตหายนะตอกย้ำความหวาดหวั่นที่ถูกสั่งสมมานั่นเอง
ยิ่งกว่านั้น ถ้าจะอุปมาไป ก็อาจชี้ได้ว่าคำประกาศจากแคมป์เดวิดของคนดื้อชื่อโจเซฟ ไบเดน ที่จะไม่ถอนตัวจากศึกเลือกตั้ง คือคำประกาศการไฝว้ระหว่างครอบครัวไบเดน กับผู้คนในพรรคเดโมแครต โดยฝ่ายไบเดนมีข้อได้เปรียบมหาศาลที่ว่า สิทธิในการที่จะอยู่ - ที่จะไป เป็นของประธานาธิบดีไบเดนแต่เพียงผู้เดียว
ในการนี้ ทุกฝ่ายดูสถานการณ์ฝ่ายไบเดนแล้ว ก็พอจะเห็นสาเหตุและแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้ท่านประธานาธิบดีปักหลักสู้ยิบตา เพราะดูทรงแล้ว อย่างน้อยที่สุด ก็มึเรื่องคดีความของฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายวัย 54 ที่ท่านโจเหลืออยู่เพียงคนเดียว (อีกหนึ่งหน่อ คือ ลูกสาว) และเป็นลูกเจ้าปัญหาหนักหนาผู้ซึ่งบั่นทอนอาชีพการงานด้านการเมืองของคุณพ่อเสมอมา แต่อาศัยว่าคุณพ่อโจ ไบเดน มีแต้มบุญมหาศาลที่สั่งสมไว้ตลอดครึ่งศตวรรษ ความนิยมที่ชาวเดลาแวร์และชาวอเมริกันทั่วประเทศมอบให้จึงนับว่ายั่งยืน โดยมีแต่จะสงสารหัวอกคุณพ่อ
หนึ่งในหายนะแห่งชีวิตของฮันเตอร์ ไบเดน คือ ถูกคณะลูกขุนแห่งศาลชั้นต้นรัฐเดลาแวร์ ตัดสินชี้ขาดไว้เมื่อเดือนกว่ามานี้เองว่ามีความผิดคดีอาญา 3 กระทงจากกรณีแจ้งเท็จในแบบฟอร์มการขอซื้ออาวุธปืนเมื่อปี 2018 ซึ่งฮันเตอร์ ไบเดน ติ๊กไว้ที่ช่องไม่ได้เสพยา เพื่อที่จะสามารถได้รับอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนได้ แต่ในเวลาต่อมา
ในการนี้ ประธานาธิบดีไบเดนประกาศอย่างชัดเจนว่า ยอมรับคำตัดสินและจะไม่ใช้อำนาจประธานาธิบดีไปอนุมัติอภัยโทษแก่บุตรของตนเอง
กระนั้นก็ตาม หากยังมีตำแหน่งประธานาธิบดีติดตัวไปอีก 4 ปี ก็หวังได้ว่าการกำหนดโทษจะอย่างนั้นอย่างนี้ อาทิ แบบที่คลาสิกที่สุด คือ เนื่องจากกลับเนื้อกลับตัว ละเลิกสิ่งเสพติดแล้ว และทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติโน่นนี่และนั่น ก็อาจส่งผลเป็นการรอลงอาญา ฯลฯ
แท็กติก “โนสนโนแคร์” ต่อเสียงเรียกร้องทศทิศให้ถอนตัว เป็นกลยุทธ์ของไบเดนที่ใช้ต่อสู้กับกระแสบีบคั้นบีบคอจากพรรคและพวกแห่งเดโมแครต
ในเมื่อโจเซฟ ไบเดนยืนกรานว่าไม่มีอะไรจะกล่อมให้ตนตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขัน (ทั้งที่สุขภาพและวัย คือ ไม่ไหวแล้ว) กระบวนการไฝว้จึงต้องเกิดขึ้นในอันที่จะทำให้ไบเดนยอมยุติความหวังจะได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ทั้งนี้ทั้งนั้นวัตถุประสงค์ของชาวเดโมแครตในการไฝว้กับโจ ไบเดน ก็มุ่งเพื่อความอยู่รอดของพรรค
ดังนั้น สมาชิกรัฐสภาแห่งค่ายเดโมแครต และบรรดาขาใหญ่ผู้มากบารมีของพรรค จึง “เริ่มสร้างเงื่อนไขสู่ความเปลี่ยนแปลง” และเปิดกว้างให้แก่ความเปลี่ยนแปลงทั้งปวง ซีเอ็นเอ็นรายงานอย่างนั้น
ส.ส.ลอยด์ ด็อกเกตต์ แห่งเทกซัส เป็นคนแรกของสมาชิกรัฐสภาสายเดโมแครต ที่ออกโรงเรียกร้องในวันที่ 2 กรกฎาคม ให้ประธานาธิบดีไบเดนลาออกจากการเป็นตัวแทนพรรคลงสนามเลือกตั้งประธานาธิบดี
และก็แน่นอนว่าไบเดนปฏิเสธข้อเรียกร้อง โดยไบเดนกล่าวในระหว่างให้สัมภาษณ์สถานีข่าวโทรทัศน์เอบีซี นิวส์ ในวันที่ 5 กรกฎาคมว่า มีเพียงพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่จะสามารถกล่อมให้ตัวเขาก้าวออกจากศึกเลือกตั้งชิงทำเนียบขาวได้
เท่านั้นเอง ชาวเดโมแครตมากมายพากันออกอาการพิโรธหนักหนา
อันที่จริงความเคลื่อนไหวนี้ของไบเดน ที่ทีมรณรงค์เลือกตั้งจัดเตรียมขึ้นมา เป็นความพยายามที่จะชงให้ประธานาธิบดีไบเดนผู้ที่คนอเมริกันจำนวนมากยังมีใจรักและชื่นชม ได้ปรากฏเป็นข่าวในภาพลักษณ์อันน่าอบอุ่นใจ เผื่อจะบรรเทาความรู้สึกติดลบลงมา ซีเอ็นเอ็นอธิบายไว้อย่างนั้น
ก่อนจะสรุปว่า ความพยายามต่างๆ ของทีมรณรงค์เลือกตั้งล้วนแต่ล้มเหลว
สองวันต่อมา มีการสาดกระแสกดดันโจ ไบเดนเข้าไปอีก โดยฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำ ส.ส.เดโมแครตในสภาล่าง ประสานนัด ส.ส.เดโมแครตพบปะหารือเพื่อจะเกลี้ยกล่อมให้ประธานาธิบดีไบเดนเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเลิกราจากการแข่งขัน
ด้านไบเดนโต้ตอบด้วยหนังสือแจ้งสมาชิกรัฐสภาในสังกัดพรรคเดโมแครตทั้งปวงเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมว่า
“ผมยึดมั่นแน่วแน่ที่จะปักหลักอยู่ในศึกเลือกตั้ง จนภารกิจลุล่วง คือ เอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ได้สำเร็จ”
กระแสบีบคั้นให้โจ ไบเดน โบกมือลาสนามเลือกตั้ง ผุดเพิ่มขึ้นอีก เที่ยวนี้มาจากแวดวงผู้บริจาคเงินสนับสนุนพรรค และใช้หัวหอกดำเนินการเป็นซุปตาร์คนดังของโลก นามว่า จอร์จ คลูนีย์ โดยซุปตาร์คลูนีย์ก็เป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของพรรคเดโมแครตด้วย
จอร์จ คลูนีย์เขียนความเห็นไว้ในนิวยอร์กไทมส์วันที่ 10 กรกฎาคม เรียกร้องให้โจ ไบเดนก้าวออกมาเสียที เพราะแม้ว่าไบเดนจะชนะมาหลายสมรภูมิ แต่ไบเดนไม่สามารถจะชนะสังขารได้
ในวันเดียวกัน มีการใช้พื้นที่ข่าวของเอบีซี นิวส์ นำเสนอคำให้สัมภาษณ์ของ 5 นักธุรกิจคนดังที่บริจาคเงินก้อนโตๆ สนับสนุนการเลือกตั้งแก่พรรคเดโมแครต
อาทิ รี้ด แฮสซิงส์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานคณะกรรมการบริหารของเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเรียกร้องให้ประธานาธิบดีไบเดนลาออกจากความเป็นผู้แทนพรรคชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
“น่าเสียดายที่ไบเดนไม่ยอมรับปัญหาในสุขภาพทางจิตใจ เขาต้องก้าวออกมาเพื่อให้ผู้นำเดโมแครตรายอื่นที่แข็งแกร่งเปี่ยมพลังชีวิต เข้าไปเอาชนะทรัมป์”
ฟางเส้นสุดท้ายปรากฏขึ้นมาย้ำว่า โจ ไบเดน เข้าขั้นไม่ไหวจะเคลียร์แน่นอน ใช้เหตุผลไปเจรจาก็เปลืองแรงเปล่าๆ
ฟางเส้นสุดท้ายที่น่าจะทำให้ขาใหญ่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างยิ่งยวดในพรรคเดโมแครต ต้องลงมือใช้มาตรการไม้แข็ง ผุดขึ้นมาเมื่อประธานาธิบดีไบเดนมีอาการเอ๋อออกสื่ออย่างน่าเกลียด ในงานแถลงข่าวที่จัดสมทบกับการประชุมสุดยอดนาโตในกรุงวอชิงตันเมื่อ 11 กรกฎาคม 2024
ในเที่ยวนี้ แม้ประธานาธิบดีไบเดนได้ออกปากบอกถึงสิ่งที่จะทำให้ตนยอมก้าวออกจากการแข่งขันว่า ถ้าตัวเลขต่างๆ ชี้ว่าเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ชนะแน่ ก็จะพิจารณาโบกมือลา แต่โจเซฟ ไบเดน ผู้เป็นที่เลื่องลือด้านการพูดผิดๆ ถูกๆ ปล่อยไก่กันบ่อยๆ ก็ไปพูดพลาดพลั้งอย่างที่ชวนให้ส่ายหน้า ทดท้อหมดใจ
อาทิ พูดถึงกมลา แฮร์ริส ว่า “รองประธานาธิบดีทรัมป์” และก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน ก็เพิ่งเอ่ยเชิญประธานาธิบดีเซเลนสกีแห่งยูเครนขึ้นกล่าวที่โพเดียม แต่พลั้งปากพูดว่า ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีครับ ขอเชิญพบกับ “ประธานาธิบดีปูติน”!!
หลังจบการแถลงข่าว สมาชิกรัฐสภาในสังกัดพรรคเดโมแครตกลุ่มหนึ่ง ออกโรงเรียกร้องให้ไบเดนลาออกจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งทำให้ยอดรวมสมาชิกรัฐสภาสายเดโมแครตที่ร้องขอให้ไบเดนยุติบทบาท เขยิบขึ้นเป็น 15 ราย
ยิ่งกว่านั้น ในวันเดียวกันนั้นเลย ซูเปอร์บิ๊กของเดโมแครตลงมาเล่นเอง
โดยมุ่งจะฉีกหน้าไบเดนให้ต้องอับอายสาธารณชน ว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคลุกขึ้นขับไล่ให้พ้นๆ ไปจากงานการเมืองของพรรค
โดยสารพัดสื่อใหญ่ยักษ์นำเสนอข่าวฮือฮาว่า สอง VVIP ของเดโมแครต อันได้แก่ “แนนซี เพโลซี” อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กับ “บารัค โอบามา” อดีตประธานาธิบดี หารือกันเป็นการส่วนตัวด้วยความวิตกถึงอนาคตของศึกเลือกตั้งที่มีไบเดนเป็นตัวแทนพรรค
แต่ปรากฏว่าประธานาธิบดีไบเดนไม่อาย และโนสนโนแคร์ เดินหน้าลงพื้นที่ขอคะแนนแบบรัวๆ ซึ่งก็แปลกว่าไม่มีการเอ๋อ ขาดสติ หรือใจคอเลื่อนลอย หนำซ้ำ ยังห้าวเป้งแบบคนแก่เสียงดัง ให้มวลชนคนรักเดโมแครตได้อบอุ่นใจ
อนาคตทางการเมืองของคุณปู่โจเซฟ ไบเดน ดูว่าจะต้องถูกตอกตะปูปิดตายแน่นอน เมื่อเกิดสิ่งชี้บ่งย้ำๆ ว่า ในเมื่อประธานาธิบดีไบเดนมุ่งแต่จะปกป้องสถานะของตัวเองและครอบครัว โดยไม่ยอมรับปัญหาแท้จริงในด้านสังขารและสมรรถภาพ ดังนั้น พันธมิตรของโจ ไบเดนในพรรคเดโมแครตจึงนับวันแต่จะลดน้อยถอยลง จนกระทั่งไม่มีใครในพรรคเดโมแครตจะเอากับไบเดนแล้ว
โดยใน 2-3 วันต่อมา ประธานาธิบดีไบเดนพบปะกับกลุ่มเดโมแครตสายกลางในช่วงวีคเอนด์ 13-14 กรกฎาคม และปรากฏว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด ก่อนจะพีกขั้นสุดเพราะเกิดศึกปะทะคารมระหว่างประธานาธิบดีกับ ส.ส.เจสัน โครว์ แห่งโคโลราโด ผู้ซึ่งกล่าวกับไบเดนแบบขวานผ่าซากว่า ประชาชนผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตเป็นห่วงถึงความเข้มแข็งและสมรรถภาพของไบเดน
ประคารมกันไปมาสักพัก ไบเดนบอกโครว์ด้วยลีลาแบบคนเอาแต่ใจไร้ตรรกะไร้เหตุผลว่า
“ผมไม่อยากได้ยินเรื่องเฮงซวยพวกนี้แล้ว” ซีเอ็นเอ็นรายงาน
ภาพลักษณ์ของประธานาธิบดีไบเดนจึงย่ำแย่ลงในท่ามกลางเสียงต่อต้านคัดค้านของชาวเดโมแครต จนกลายเป็นภาพของความดึงดัน ดื้อรั้น ไม่เห็นแก่เสถียรภาพของพรรค
อันที่จริง ฝ่ายต่างๆ ในค่ายเดโมแครตถูกผู้คนคาดหวังว่า จะทำการตัดจบเรื่องของไบเดนกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีให้ชัดเจนภายในวีคเอนด์ดังกล่าว (13-14 กรกฎาคม) แต่ระฆังพักยกดังรัวขึ้นด้วยเสียงปืนเปรี้ยงปร้างในพื้นที่หาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ ณ เคาน์ตีบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฏาคม 2024 พร้อมกับข่าวฮือฮาว่าทรัมป์ถูกลอบสังหาร โดยมีแผลเล็กน้อยที่ใบหู ขณะที่ทรัมป์ก็สวมบทบาทวีรบุรุษอย่างสุดแสนจะดรามา
เรื่องราวของโจเซฟ ไบเดน จึงถูกชาวเดโมแครตแขวนไว้ก่อน แต่ก็เฉพาะในส่วนของหน้าฉาก โดยสำหรับหลังฉากนั้น การกดดันบีบคั้นถูกยกระดับความเข้มข้นขึ้นไปอีกหนึ่งสเต็ป
โดยทีมวิเคราะห์ของพรรคซึ่งรับผิดชอบการประเมินทิศทางกระแสนิยมในบรรดาผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ยังทำงานอย่างเร่งรัด และมีการจัดทำบันทึกแจ้งทราบหลายฉบับ ขึ้นไปเวียนแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งปวง โดยประเด็นหลักมีอยู่ 2 ด้าน ได้แก่
- ด้านที่ทุกคนทราบดี คือแนวโน้มของประธานาธิบดีไบเดนอยู่ในทิศทางที่จะพ่ายแพ้การเลือกตั้ง
- และด้านที่น่าตกใจกว่านั้น คือ สมาชิกรัฐสภาในค่ายเดโมแครตพลอยเสียคะแนนนิยมไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรัฐสวิงโหวต ซึ่งเดโมแครตและรีพับลิกกันต้องต่อสู้กันหนักหน่วงเสมอ โดยยากจะวางใจได้ว่าในแต่ละฤดูกาลเลือกตั้งนั้น ประชาชนจะสวิงไปเทเสียงให้พรรคใด
สัญญาณเผด็จศึกเริ่มขึ้นทันทีที่ข่าวโดนัลด์ ทรัมป์ ซาลง ค่ายของแนนซี เพโลซี & VIP พรรค ยกระดับมาตรการกดดัน & “กรีด” ไบเดนให้ตระหนักว่า ดรามา ‘โนสนโนแคร์’ ถึงเวลายุติ
สัญญาณเผด็จศึกเปิดฉากรัวๆ ในวันพุธที่ 17 กรกฎาคม เมื่อส.ส.อาดัม ชิฟฟ์ เขตแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีกำหนดจะย้ายไปลงสนามเลือกตั้งฝั่งวุฒิสมาชิก ทำการต่อยอดกระแสกดดันที่หยุดไปหลายวันเพราะผู้คนแห่กันไปสนใจแต่ข่าวโดนัลด์ ทรัมป์ โดยส.ส.อาดัม ชิฟฟ์ ประกาศเรียกร้องให้ไบเดนถอนตัวจากศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี
ทั้งนี้ เนื่องจากส.ส.ชิฟฟ์ เป็นพันธมิตรใกล้ชิดของ แนนซี เพโลซี ฝ่ายต่างๆ มองออกว่าความเคลื่อนไหวนี้คือโหมโรงเพื่อจะยกระดับแรงกดดัน ซึ่งจะนำไปสู่การตัดจบดรามายืดเยื้อของโจเซฟ ไบเดน ภายในสัปดาห์นั้นเลย
ในวันเดียวกัน เอบีซี นิวส์ ได้รับข้อมูลก้อนโตจากคนวงในของพรรคเดโมแครต ไปนำเสนอออกโทรทัศน์ทั่วประเทศว่า ผู้ใหญ่ของเดโมแครต ทั้งชัค ชูเมอร์ ผู้นำวุฒิสมาชิกเดโมแครต และทั้งฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำส.ส.เดโมแครต ต่างเปิดฉากบอกไบเดนตรงๆ ในห้วงวีคเอนด์ว่า ขอให้เห็นแก่พรรค ก้าวออกจากการแข่งขันเสียเถิด เพราะประชาชนต่างเห็นว่าสุขภาพของไบเดนนั้น ไปไม่ไหวแล้ว
ความเคลื่อนไหวนี้เป็นการยกระดับแรงกดดันแบบหฤโหดกันเลยทีเดียว โดยกรีดหน้าไบเดนยับเยินว่า ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ของเดโมแครต ไม่เอากับไบเดนกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ด้านแนนซี เพโลซี ซึ่งอันที่จริงก็เป็นพันธมิตรแสนดีของไบเดนมาโดยตลอด ก็ตกเป็นข่าวด้วย โดยซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เพโลซีได้คุยโทรศัพท์กับไบเดนเป็นการส่วนตัว อย่างจริงใจว่า ผลโพลชี้ชัด ไบเดนไม่สามารถเอาชนะทรัมป์ได้แล้ว และที่สำคัญ ผลกระทบจากไบเดนจะทำลายโอกาสที่ชาวเดโมแครตจะเอาชนะรีพับลิกัน และครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
ไบเดนค้านว่าโพลที่ตนได้เห็นจากทีมเลือกตั้งของตน ยืนยันว่าผู้คนไม่กล้าเลือกทรัมป์ และยังไงต้องเทคะแนนให้เดโมแครต
เมื่อได้ข้อสรุปว่าประเด็นชี้ขาดคือ ผลโพลที่ทีมเลือกตั้งของไบเดนจัดทำขึ้นมา มีเออร์เรอร์ จอมแท็กติกเลือดเย็น นามว่า เพโลซี ก็ส่งไม้ต่อไปยัง ไมค์ โดนิลอน ที่ปรึกษาของไบเดนซึ่งแสนสนิท สุดแสนจะไว้ใจ เพื่อให้นำข้อมูลและตัวเลขผลโพลไปพิสูจน์ทราบกับไบเดน จะได้เคลียร์ๆ กันเสียที
ใช่แต่จะเท่านั้น ยังมีกระแสกดดันที่สมาชิกรัฐสภาสายเดโมแครต ออกโรงมาสำทับความเคลื่อนไหวของหัวหน้าชูเมอร์ กับหัวหน้าเจฟฟรีส์ ในวันศุกร์ (19) โดยในเที่ยวนี้มี 12 ราย ร่วมกันลงชื่อในหนังสือเรียกร้องให้ไบเดนถอนตัวจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
ส่วนที่สำคัญคือคีย์แมนของกลุ่มนี้ ประกอบด้วย ส.ส.โซอี้ ลอฟเกรน พันธมิตรแสนสนิทอีกรายหนึ่งของแนนซี เพโลซี ซึ่งซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ไบเดนเคืองเพโลซีแบบเดือดปุดๆ กันเลยทีเดียว
ในการนี้ ตลอดตั้งแต่วันพุธที่ 17 กรกฎาคม จดจนวันอาทิตย์ 21 กรกฎาคม ประธานาธิบดีไบเดนหลบเข้าไปกบดานที่บ้านชายทะเล รัฐเดลาแวร์ ด้วยคำอธิบายว่าไปกักบริเวณตนเองเพื่อรักษาอาการติดเชื้อโควิด ดังนั้น วันเวลาห้าวันเหล่านี้ เป็นห้วงสุดท้ายที่ไบเดนจะเดินกลยุทธ์ดื้อตาใส โนสนโนแคร์กับแรงกดดันที่ถูกยกระดับถึงขั้นที่ว่า ไบเดนถูกคนทั้งพรรคเท และตกอยู่ในภาวะโดดเดี่ยวทางการเมือง รอบกายเหลือเพียงภริยา บุตรและธิดา กับหลานๆ และทีมงานเลือกตั้ง
นายทุนพรรคร่วมก่อกบฏต่อต้าน ปธน.ไบเดน: “กลุ่มผู้บริจาคจะดองเงินบริจาคไว้ จนกว่าพวกผู้นำพรรคลงมือเอาไบเดนออกจากการแข่งขัน” CNN รายงาน
ก่อนที่มาตรการขั้นเด็ดขาดซึ่งผู้มากบารมีของเดโมแครตงัดขึ้นมา “หักคอ” โจเซฟ ไบเดน ได้เกิดปัจจัยสุดฮอตซึ่งผุดขึ้นมาในบรรดานายทุนของพรรค อันเป็นปัจจัยชี้ขาดอย่างแท้จริงว่า โปรด “เด็ด” ไบเดนให้เสร็จเสียที
โดยผู้บริจาคเงินก้อนใหญ่สนับสนุนพรรคเดโมแครต ประกาศจะแปรพักตร์ หากโจ ไบเดน ยังไม่ถอยออกจากการเลือกตั้ง
เรื่องนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก พอๆ กับการที่สมาชิกรัฐสภาของเดโมแครตประกาศยุติการสนับสนุน เพราะผลที่เกิดขึ้นคือ ทุนอุดหนุนกิจกรรมเลือกตั้งจะแห้งเหือดหมดบ่อกันเลยทีเดียว
บรรดาเจ้าบุญทุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตพากันคลางใจในศักยภาพของโจ ไบเดน พร้อมกันนั้นหลากหลายรายบ่นว่าเจ้าหน้าที่รณรงค์การเลือกตั้งของไบเดนก็ไม่สนใจจะชี้แจงให้กระจ่าง
“พวกเราล้วนแต่รู้สึกว่าถูกหักหลัง เพราะทีมของไบเดนไม่ซื่อตรงกับเราในเรื่องสุขภาพแท้จริงของไบเดน” ซีเอ็นเอ็นเล่าไว้อย่างนั้น
นอกจากนั้น ซีเอ็นเอ็นยังบอกว่ามีแหล่งข่าวถึง 2 สายที่เปิดเผยว่า เหล่านายทุนพรรคที่เคืองจัดๆ แจ้งต่อคณะกรรมการรณรงค์เลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งพรรคเดโมแครตว่า จะยังไม่มอบเงินบริจาคจนกว่าพวกผู้นำพรรคลงมือเอาไบเดนออกจากการแข่งขัน!!!
“เนี่ยแหละ ไพ่ไม้ตายถูกควักขึ้นมาแล้ว” ส.ส.อาวุโสของเดโมแครตบอกซีเอ็นเอ็นเมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม
“พวกเขาเชื่อว่าถ้าโจยังอยู่ ทั้ง ส.ส. และ ส.ว.ต้องร่วงระนาวด้วย” นักยุทธศาสตร์ของพรรคเดโมแครตซึ่งใกล้ชิดกับการระดมทุนสนับสนุนการเลือกตั้งจากผู้บริจาครายซูเปอร์บิ๊ก บอกกับซีเอ็นเอ็นอย่างนั้น พร้อมบอกด้วยว่า
“ผู้บริจาคไม่ต้องการจะอัดฉีดเงินอันทรงคุณค่า ไปสนับสนุนพรรคที่เน่า”
ท่าทีของนายทุนพรรคเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาเหลือเกิน กล่าวคือ เพียงไม่กี่ครู่ยามหลังจากโจ ไบเดนประกาศถอนตัวจากศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 เงินสนับสนุนก็ไหลเข้าพรรคกันเลย
นอกจากนั้น มีผู้บริจาครายใหญ่หลายหลากรายที่ยิงตรงไปถึงทีมเลือกตั้งของ กมลา แฮร์ริส และส่งสัญญาณให้ทราบว่าพวกเขาเต็มใจจะสนับสนุนเธอ หากเธอลงแข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซีเอ็นเอ็นรายงานอย่างนั้น โดยระบุว่าได้ข้อมูลจากแหล่งข่าว 3 รายที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้
หรือจะเป็น “ปาหี่อเมริกัน” จากที่ยืนหยัดจะสู้จนกว่าชนะ แต่แล้วภายในไม่ถึง 48 ชม. ไบเดนก็ ‘กระเด้งตนเอง’ ออกจากศึกเลือกตั้ง อย่างปุบปับและง่ายดาย?!?
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กัดฟันยืนหยัดต่อสู้ไฟท์แล้วไฟท์เล่า รวมเป็นหนึ่งซีรีส์ใหญ่ เพื่อรักษาสิทธิตัวแทนพรรคสู้ศึกเลือกตั้งไว้ได้เกื 3 สัปดาห์ (อังคารที่ 2 กรกฎาคม จดจนเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2024) และแล้วไบเดน ก็ต้องเจอกับมาตรการไม้แข็งโป๊กที่ไม่อาจจะขัดขืนต่อไป
หรือในทางกลับกัน ก็ต้องนับว่าจอมอิทธิพลผู้มากบารมีแห่งพรรคเดโมแครต ทำรัฐประหารเงียบเพื่อเด็ดเอา โจเซฟ ไบเดน ผู้หง่อมชราออกจากศึกเลือกตั้ง ด้วยจังหวะจะโคนที่ไม่โฉ่งฉ่าง ไม่เป็นที่ระคายใจของฐานเสียงที่ยังรักและชื่นชมไบเดน โดยทยอยยกระดับความเข้มข้นของมาตรการขึ้นไปนับรวมได้หลายสเต็ปทีเดียว
ซีเอ็นเอ็นสรุปคร่าวๆ ว่ามีสมาชิกสภาคองเกรสค่ายสีน้ำเงินทยอยกันรวมพลังออกโรงเรียกร้องให้ไบเดนยุติการแข่งขันระลอกแล้วระลอกเล่า รวมเป็นจำนวนผู้กล้าทั้งสิ้นเกือบ 40 ราย เพราะนอกจากที่ท่านประธานาธิบดีจะแพ้เลือกตั้งแน่นอนแล้ว นักการเมืองเดโมแครตก็จะพลอยเดือดร้อน โดนประชาชน “เท” ไปด้วย
ด้านผู้นำพรรคพากันไปบอกโจ ไบเดน ตรงๆ ว่าผลโพลยืนยัน ท่านแพ้เลือกตั้งแน่นอน และสองผู้นำตัวเป้งระดับหัวหน้ากลุ่มส.ว. และ ส.ส. ก็ถึงกับเปิดหน้าชน เรียกร้องประธานาธิบดีผู้หง่อมชรา สมรรถภาพทางการเมืองเสื่อมถอยอย่างมหาศาล ให้ยอมวางมือเพื่อเปิดทางให้ตัวเต็งตัวตึงรายอื่นๆ ของเดโมแครตได้ทำหน้าที่แทน ซึ่งจะมีโอกาสชนะได้มากกว่า
ในเวลาเดียวกัน เงินบริจาคสนับสนุนศึกเลือกตั้งก็เหือดหาย
“ผมไม่เห็นผู้บริจาครายใหญ่ใครสักคนเลยที่เตรียมจะเซ็นเช็คสัก 100,000 ดอลลาร์หรือกว่านั้น ให้แก่เดโมแครต” ผู้บริจาคขาใหญ่รายหนึ่งบอกกับซีเอ็นเอ็นเมื่อช่วงก่อนที่โจ ไบเดนจะประกาศถอนตัว
แรงกดดันทั้งหลายทั้งปวงที่สาดออกมาจากบิ๊กๆ เดโมแครต ไม่ประสบความสำเร็จกันเลยจริงๆ
ในวันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม ประธานาธิบดีไบเดนยังไปออกทีวีให้สัมภาษณ์รายการเลสเตอร์ โฮลต์ ช่องเอ็นบีซีส์ นิวส์ พูดยืนยันอยู่เลยว่าไม่คิดจะถอนตัวจากการแข่งขัน หลังจากถูกชาวเดโมแครตออกโรงขับไล่เมื่อ 11-12 กรกฎาคม พร้อมกับโต้ตอบข่าวที่ว่าแนนซี เพโลซี กับบารัค โอบามา หารือกันเป็นการส่วนตัวถึงอนาคตอึมครึมของเดโมแครตที่จะย่ำแย่เพราะทรัมป์มีโอกาสชนะเหลือเฟือ
และในวันต่อมา อังคารที่ 16 กรกฎาคม ไบเดนไปขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงที่ลาสเวกัส – วันประชุมใหญ่ NAACP ซึ่งก็ทำได้ดีมาก ไม่เอ๋อ ไม่หลุด ไม่ออกอ่าว และกล่าวสปีชได้ร้อนแรงทรงพลังทีเดียว พร้อมนี้ ประธานาธิบดีประกาศกร้าว ‘ผมยังเดินหน้ากับการเลือกตั้ง’ ซีเอ็นเอ็นรายงาน
กระนั้นก็ตาม ในวันพุธที่ 17 กรกฎาคม ไบเดนประกาศลาป่วย ของดกิจกรรมหาเสียง เพื่อไปกักตัวรักษาโรคโควิด โดยในวันนั้น รัฐประหารขั้นต้นปรากฏชัดเจนภายในพรรคเดโมแครต เมื่อเอบีซี นิวส์ รายงานออกโทรทัศน์ทั่วประเทศถึงเรื่องที่ ชัค ชูเมอร์ ผู้นำวุฒิสมาชิกเดโมแครต และฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำส.ส.เดโมแครต ต่างเปิดฉากบอกไบเดนตรงๆ ให้โบกมือลาการแข่งขัน เพราะประชาชนหวั่นจริงๆ ว่าสุขภาพของไบเดนทรุดโทรมเกินจะทำหน้าที่ประธานาธิบดีต่ออีก 4 ปี
กล่าวก็คือ ส.ว.และ ส.ส.เดโมแครตไม่เอากับไบเดนกันแล้ว
ปัจจัยที่ทำให้โจ ไบเดนต้องคิดหนัก ได้ผุดขึ้นมาชัดเจนในวันพฤหัสบดี 18 เมื่อซีเอ็นเอ็นเสนอรายงานข่าวเกี่ยวกับนายทุนพรรคเดโมแครตลุกขึ้นร่วมกบฏต่อต้านไบเดน โดยนำเสนอว่ามีนายทุนพรรคเยอะเลยไม่พอใจกับวี่แววแนวโน้มของการเลือกตั้งที่มีประธานาธิบดีไบเดนเป็นจ่าฝูง และได้แจ้งเข้าไปยังพรรคว่า จะยังไม่มอบเงินบริจาคจนกว่าพวกผู้นำพรรคลงมือเอาไบเดนออกจากการแข่งขัน โดยเชื่อว่าถ้ายังไม่ขจัดไบเดนซึ่งเอาแน่เอานอนไม่ได้ในเรื่องสมรรถภาพทางการเมือง ศึกเลือกตั้งระดับ ส.ส. และ ส.ว. ก็จะต้องเสียหายยับเยินไปด้วย
กระแสตอบรับข่าวนายทุนพรรคก็พรึ่บขึ้นทันทีในวันรุ่งขึ้น ศุกร์ 19 กรกฎาคม โดยมีสมาชิกรัฐสภาสายเดโมแครต 12 ราย ร่วมกันลงชื่อในหนังสือเรียกร้องให้ไบเดนถอนตัวจากการแข่งขันชิงตำแหน่ง โดยหนึ่งในกลุ่มนี้เป็นพันมิตรแนบสนิทกับผู้มากบารมีนามว่าแนนซี เพโลซี สหายแสนดีของโจ ไบเดน
กระนั้นก็ตาม ในวันศุกร์ 19 กรกฎาคมดังกล่าว ประธานาธิบดีไบเดนโต้ตอบแซ่บๆ ด้วยคำแถลงแจ้งทราบว่า จะกลับสู่กระบวนการหาเสียงเลือกตั้งในสัปดาห์ถัดไปอย่างแน่นอน หลังเก็บตัวรักษาโควิดเรียบร้อยแล้ว ในเวลาเดียวกัน ประธานคณะทำงานรณรงค์เลือกตั้งของไบเดนก็ออกโทรทัศน์รายการมอร์นิงโจของช่อง MSNBC บอกว่าไบเดนยืดหยัดต่อสู้ศึกเลือกตั้ง ม่ำม่
ยิ่งกว่านั้น ทีมแคมเปญยังออกเมมโมแจ้งทราบทั่วกันว่า “ไม่มีแผนจะหาตัวแทนสู้ศึกเลือกตั้ง”
ในเมื่อกระแสต่อต้านประธานาธิบดีไบเดนเดือดปุดๆ ไปในทุกแนวรบ บรรดาผู้มากบารมีของเดโมแครตย่อมต้องยกระดับมาตรการต่อไบเดนให้เขย่าขวัญยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อจะ “ปิดจ็อบ” การไฝว้ 3 สัปดาห์เสียที
ขณะที่ว่า ในทางสาธารณะนั้น ไม่มีการออกโรงโฉ่งฉ่างโดยผู้มากบารมีของพรรค แต่ในเงามืดแล้ว ปฏิบัติการรัฐประหารเงียบโดยบรรดาผู้บงการ ณ หลังฉากของพรรค เริ่มหารือกันว่า หนีไม่พ้นแล้วที่จะต้องงัดเอาบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 มาเป็นปัจจัยหักคอ ให้ประธานาธิบดีไบเดนยอมพ้นจากศึกเลือกตั้งอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้แล้ว
โดยจะเป็นการบังคับใช้มาตรา 4 แห่งบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 ซึ่งให้อำนาจแก่การปลดประธานาธิบดีที่เชื่อได้ว่าไม่สามารถปฏิบัติงานได้ เพราะสาเหตุต่างๆ เช่น เจ็บป่วย บาดเจ็บ หรือสภาพอารมณ์และจิตใจบกพร่อง
มาตรการนี้โหดร้ายประหนึ่งการประหารกันในทางการเมือง เพราะจะทำให้โจเซฟ ไบเดน ปิดฉากชีวิตทางการเมืองอย่างอัปยศอดสูอย่างที่สุด
และก็เป็นมาตรการกดดันบีบคั้นและหักคอประการนี้ ที่ผู้ใกล้ชิดครอบครัวไบเดนบอกกับนิวยอร์กโพสต์ว่า เป็นเครื่องมือขู่กรรโชกของเหล่าคีย์แมนขาใหญ่ผู้มากบารมีที่สามารถสยบโจ ไบเดน และพลิกเกมสำเร็จ
การตัดสินใจของประธานาธิบดีไบเดนที่จะถอนตัวจากศึกเลือกตั้ง เริ่มก่อตัวและสามารถบรรลุผลเป็นจริงขึ้นมาได้ ภายในเวลาแค่ไม่ถึง 48 ชั่วโมงแห่งสุดสัปดาห์ที่สามของเดือนกรกฎาคม ซีเอ็นเอ็นรายงาน
ในการนี้ ซีเอ็นเอ็นนำเสนอคำอธิบายของที่ปรึกษาอาวุโสแห่งทีมรณรงค์เลือกตั้งที่ระบุว่า การติดเชื้อโควิดและต้องเข้าไปกักตัวรักษาอาการในบ้านพักชายทะเลที่เดลาแวร์นั้น เป็นโอกาสให้ประธานาธิบดีไบเดนได้ศึกษาข้อมูลที่ไหลเข้าไปอย่างละเอียด และจึงยอมเชื่อเสียทีว่า จะต้อง “ปรับลดน้ำหนัก” แนวทางการตะลุยสู้ศึกเลือกตั้ง สู่แนวทางอื่น ที่จะเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สำเร็จ
แน่นอนว่าข้อมูลดังกล่าวของซีเอ็นเอ็นเต็มไปด้วยความเป็นนักพีอาร์ ที่มุ่งให้ผู้คนเข้าใจว่า ไบเดนเต็มใจถอยพ้นศึกชิงทำเนียบขาว เพราะได้เห็นข้อมูลที่ถูกต้องซึ่งสหายสุดซี้ที่ปรึกษาแสนสนิทนำไปให้เห็น จึงตาสว่าง และตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง บลา...บลา...บลา
แต่นั่น ไม่น่าสนใจเท่ากับส่วนที่ซีเอ็นเอ็นรายงาน (โดยอ้างแหล่งข่าววงในที่ทราบเรื่องอย่างใกล้ชิด) ว่าไบเดนเริ่มดำเนินการเพื่อถอยออกจากการแข่งขันตั้งแต่ค่ำคืนเสาร์ที่ 20 และไปเสร็จสมบูรณ์ในวันอาทิตย์ที่ 21
โดยขั้นตอนเริ่มดำเนินการ ได้แก่ การแจ้งการตัดสินใจของตนให้ครอบครัวทราบพร้อมกัน ซึ่งก็มีการเรียกลูกๆ หลานๆ มารวมตัวที่บ้านชายทะเลในค่ำวันนั้น
ส่วนสำหรับตัวพลิกสถานการณ์ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเสียที เป็นปัจจัยใหม่ที่เข้าถึงประธานาธิบดีไบเดนตั้งแต่กลางวันของวันเสาร์ที่ 20 ซึ่งก็คือ สองกุนซือแสนสนิทที่ไว้วางใจสุดๆ ของไบเดน เข้าไปเยือนท่านประธานาธิบดีที่บ้านพักเก็บตัวรักษาโรคโควิด ณ หาดรีโฮบาธ
ทั้งนี้ ซีเอ็นเอ็นรายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในที่ทราบเรื่องอย่างใกล้ชิด ว่าทั้งสองนำข้อมูลเข้าไปหารือกับไบเดน ย้ำให้เห็นว่าเส้นทางที่จะพากลับสู่ความได้เปรียบในการชิงชัยนั้น ยับเยินหมดสิ้นแล้ว เนื่องจากบรรดาตัวเลขจากโพลระดับชาติและโพลในบรรดารัฐที่มักจะเปลี่ยนใจไปมาระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันนั้น ล้วนแต่ร่วงดิ่ง ในเวลาเดียวกันจำนวนของฐานเสียงที่ตีจากเดโมแครตก็ทวีตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมนี้ ซีเอ็นเอ็นระบุว่าข้อมูลของทั้งสองมาจากพื้นที่จริง ซึ่งเจาะลึกได้เกินกว่าที่ทีมงานใกล้ตัวของไบเดนจะเอื้อมถึง
และซีเอ็นเอ็นกล่าวโดยสรุปว่า เส้นทางสู่ชัยชนะศึกเลือกตั้งสำหรับท่านไบเดนนั้น “ไม่ปรากฏเลย” อันเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับข้อมูลที่ไบเดนได้รับจากทีมรณรงค์เลือกตั้ง ก็จึงทำให้ไบเดนตัดสินใจถอนตัว
การอธิบายข่าวให้เข้าใจง่ายๆ เยี่ยงนี้ ฟังไม่ค่อยขึ้น เพราะมันคือการป้ายสีว่าทีมงานของไบเดนบิดเบือนข้อมูล ทำให้ไบเดนเดินเกมผิดมาโดยตลอด ซึ่งขัดแย้งกับตัวตนแท้จริงของไบเดน ที่เชี่ยวชาญสุดๆ กับการเมืองระดับสูง
ประเด็นของไบเดนไม่ใช่เรื่องโอกาสที่จะแพ้หรือชนะ แต่เป็นเรื่องของการใช้สิทธิความเป็นตัวแทนพรรคเข้าแข่งขัน ซึ่งไบเดนครอบครองอยู่ โดยที่ผู้มากบารมีรายไหนก็ลิดรอนเอาไปไม่ได้ แล้วสิ่งที่ไบเดนต้องทำคือ สู้สุดความสามารถ โดยไบเดนเชื่อว่าโอกาสชนะยังมีอยู่ ทั้งแต้มบุญเก่าที่ประชาชนยังรักและศรัทธาในความเป็นโจ ไบเดน และทั้งอานิสงส์จากการที่ประชาชนเข็ดขยายโดนัลด์ ทรัมป์เกินกว่าแปรพักตร์ ทิ้งเดโมแครต ไปเทคะแนนให้ทรัมป์
แต่ในด้านของนิวยอร์กโพสต์นั้น ฟันธงเลยว่า ผู้ปฏิบัติงานในระดับสูงๆ สุดๆ ของพรรคเดโมแครตส่งคำขู่กรรโชกไปยังโจ ไบเดน ว่าหากไบเดนไม่ก้าวออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี พรรคเดโมแครตจะใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 มาตรา 4 ปลดออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี เพราะอาการของไบเดนนั้นเข้าข่าย “ผู้ที่ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจเพราะสภาพอารมณ์และจิตใจบกพร่อง” ได้ไม่ยาก โดยนิวยอร์กโพสต์อ้างแหล่งข่าวสองราย รายหนึ่งคือคนใกล้ชิดโจ ไบเดน และอีกหนึ่งรายเป็นแหล่งข่าววงในของครอบครัวไบเดน
สองที่ปรึกษาแสนสนิทสุดๆ และเป็นที่ไว้วางใจอย่างยิ่งของไบเดน เป็นนักเจรจาและนักประสานสิบทิศซึ่งมีความชำนาญงานสูงด้วยประสบการณ์หลายทศวรรษ อีกทั้งยังรู้จักรู้ใจพี่โจ ไบเดน อย่างลึกซึ้ง ซึ่งได้แก่ ไมค์ โดนิลอน ที่ปรึกษาการรณรงค์เลือกตั้ง กับ สตีฟ รีเคที ที่ปรึกษาภารกิจประธานาธิบดี
ผู้ชาย 3 หนุ่ม 3 มุมนี้ มีการสนับสนุนดูแลกันมาเนิ่นนาน ตั้งแต่ที่พี่โจยังเป็นสมาชิกวุฒิสภา อีกทั้งยังเป็นกำลังใจใกล้ชิดอย่างมากมาย ในวันเวลาที่พี่โจ ต้องสูญเสีย โบ ไบเดน บุตรชายแสนดี อดีตอัยการสูงสุดสองสมัยซ้อนแห่งรัฐเดลาแวร์ ให้แก่โรคมะเร็งสมอง
ต้องนับว่ากลุ่มผู้ทรงอิทธิพล-ผู้มากบารมีแห่งพรรคเดโมแครตเลือกใช้บริการถูกคนอย่างแท้จริง
ยิ่งกว่านั้น ยังเลือกใช้ประเด็นขู่กรรโชกได้เป๊ะปัง คือ เอ่ยปุ๊บ บุคคลเป้าหมายก็สะดุ้งปั๊บ และยอมสยบลงมาได้
พร้อมนี้ น่าจะมีการมอบแพ็คเกจดีงาม ที่ช่วยบรรเทาปัญหาและ Pain Points ทั้งปวงได้ครบครัน เพียงแต่แหล่งข่าวของนิวยอร์กโพสต์เปิดเผยให้ท่านผู้ชมทราบเฉพาะในส่วนของประเด็นหักคอ (ไม้เรียว) โดยไม่เปิดเผยในส่วนของแพ็คเกจ (แครอท) อันเป็นแรงจูงใจให้ศึกไฝว้ระหว่าง โจเซฟ ไบเดน กับพรรค จบสวยด้วยดี
ประธานาธิบดีไบเดนยอมโอเคตามข้อเรียกร้องได้อย่างง่ายๆ และปุบปับ ภายในไม่กี่ชั่วโมงของการหารือเมื่อวันเสาร์ที่ 20 นั้นเลย
รูปการณ์ที่เกิดขึ้นในสุดสัปดาห์สำคัญนี้ ประกอบด้วยสามด้านตามที่ซีเอ็นเอ็นรายงาน ดังนี้
1. ในตอนสรุปฟันธงก่อนปิดการหารือ ไบเดนปักใจแน่นอนและบอกชัดเจนว่า จะถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
2. ไบเดนขอให้คนสนิทสุดแสนไว้วางใจทั้งสองนาย จัดทำร่างจดหมายถึงประชาชนเพื่อจะนำไปโพสต์ในวันรุ่งขึ้น (ช่วงบ่ายวันอาทิตย์)
3. นอกจากนั้น ไบเดนยังบอกด้วยว่าจะเตรียมแผนถอนตัวไว้ให้พร้อม
พร้อมนี้ การดำเนินการที่เกี่ยวข้องก็เริ่มขึ้นตั้งแต่ค่ำคืนของเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2024 อันได้แก่ การแจ้งให้ครอบครัวทราบถึงการตัดสินใจพร้อมกัน ซึ่งก็มีการเรียกลูกๆ หลานๆ มารวมตัวที่บ้านชายทะเลในค่ำวันเสาร์นั้นเลย
ช่วงเช้าวันอาทิตย์ (21) ประธานาธิบดีไบเดนยืนยันการตัดสินใจถอนตัว และโดยที่มีสตีฟ รีเคที ที่ปรึกษาแสนสนิท อยู่ข้างๆ การต่อสายโทรศัพท์ไปแจ้งข่าวใหญ่นี้ได้เริ่มขึ้น แหล่งข่าววงในที่ทราบเรื่องอย่างใกล้ชิดอีกรายหนึ่งจากจำนวนทั้งสิ้นสองราย เล่าแก่ซีเอ็นเอ็นอย่างนั้น
โดยประธานาธิบดีไบเดนได้ต่อสายคุยโทรศัพท์กับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส หลายครั้ง ตลอดจนแจ้งไปยัง ชัค ซูเมอร์ หัวหน้าสมาชิก ส.ว. ก่อนที่จดหมายถึงประชาชนจะปรากฏสู่สาธารณชน
ณ เวลา 13.45 น. ไบเดนต่อสายไปแจ้งเจ้าหน้าที่อาวุโสแห่งทำเนียบขาว และเจ้าหน้าที่อาวุโสแห่งทีมรณรงค์
ณ เวลา 13.46 น. จดหมายแจ้งการตัดสินใจให้สาธารณชนทราบถึงการถอนตัวจากการเลือกตั้ง ถูกโพสต์ขึ้นเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย ทั้งที่ไบเดนยังสนทนากับทีมงานอาวุโสอยู่เลย ซึ่งนับเป็นการล้ำเส้นไบเดนอย่างเกินกว่าเหตุ ราวกับว่าผู้หลักผู้ใหญ่ใครบางคนของพรรคหวั่นว่าประธานาธิบดีไบเดนจะเปลี่ยนใจตามคำแนะนำของทีมรณรงค์หาเสียง
แต่โจ ไบเดนมิได้เปลี่ยนใจ และเดินหน้าขับเคลื่อนแผนดำเนินการถอนตัวจากการเลือกตั้ง
กระนั้นก็ตาม ไบเดนปรึกษาหารือกับผู้ช่วยใกล้ชิดเพียงกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ซึ่งรวมถึง เจฟฟ์ ไซอ็องส์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว และ เจน โอมัลลีย์ ดิลลอน ผู้จัดการคณะรณรงค์เลือกตั้งประธานาธิบดี
ทั้งนี้ มีบางรายซึ่งเป็นคนวงในของไบเดนที่ถูกกันออก กว่าจะทราบเรื่องก็เพียงไม่กี่นาทีก่อนที่จดหมายแจ้งการตัดสินใจจะขึ้นไปบนโซเชียลมีเดีย อันได้แก่ แอนิตา ดันน์ หนึ่งในประดาที่ปรึกษาด้านสื่อสารมวลชนที่ใกล้ชิดกับไบเดนมากที่สุด
โดยแหล่งข่าวหลายรายของซีเอ็นเอ็นเปิดเผยว่า แอนิตาและสามีอยู่ในทีมเตรียมความพร้อมแก่ประธานาธิบดีไบเดนในการขึ้นเวทีดีเบตอัปยศ พ่ายแพ้โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีความผิดพลาดสำคัญบางประการที่เกิดขึ้นจากเธอ และทำให้ครอบครัวไบเดนโกรธเธอมาก
ด้านฮันเตอร์ ไบเดน (บุตรชายผู้สร้างปัญหามากมายให้แก่คุณพ่อโจ ไบเดน แต่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่รายที่ประธานาธิบดีมีความไว้วางใจอย่างเต็มที่) ไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจของคุณพ่อโจ แต่ก็เชื่อว่าบิดาถูกขับไสไล่ส่ง โดยตัวฮันเตอร์ไม่พอใจกับสถานการณ์
“ฮันเตอร์รู้สึกว่าพ่อถูกใส่ความและถูกทำลายภาพลักษณ์ เขาเป็นห่วงประธานาธิบดีโจอย่างยิ่ง บุคคลสำคัญของพรรคเดโมแครตไม่อยู่ข้างโจกันเลย” แหล่งข่าวคนวงในของไบเดนกล่าวกับซีเอ็นเอ็นอย่างนั้น
ในเวลาต่อมา ครอบครัวไบเดนส่งกำลังใจและความสนับสนุนมอบแด่ประธานาธิบดี ตลอดจนย้ำถึงคุณูปการต่างๆ ที่โจ ไบเดนมีต่อประเทศชาติ
ดร.จิลล์ ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ส่งความรักมอบแด่สามีในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ โดยรีทวีตจดหมายที่ประธานาธิบดีแถลงต่อประชาชน พร้อมรูปหัวใจสีแดงเล็กๆ 2 ดวง
นาโอมิ ไบเดน หลานปู่คนโตและลูกสาวหัวปีของฮันเตอร์ ไบเดน เขียนโพสต์อย่างยาวขึ้นบน X บอกว่าภูมิใจในคุณปู่
และฮันเตอร์ก็เขียนถึงคุณพ่อโจอย่างน่ารักว่า
“ผมโชคดีเหลือเกิน ในทุกคืนผมจะบอกพ่อว่าผมรักพ่อ และบอกขอบคุณพ่อ ผมขอเชิญชาวอเมริกันทุกท่านร่วมกันกับผมที่จะบอกว่ารักและบอกว่าขอบคุณในค่ำคืนนี้
“ขอขอบคุณท่านประธานาธิบดี ผมรักพ่อนะครับ พ่อโจ”
ต่อมา ในวันจันทร์ 22 กรกฎาคม 2024 ประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งรักษาตัวจากการติดเชื้อโควิดครบ 5 วัน เดินทางเข้าห้องทำงานประจำตำแหน่งประธานาธิบดี กล่าวปราศรัยต่อประชาชนทั้งประเทศผ่านการถ่ายทอดโทรทัศน์ออกมาจากห้องทำงานรูปไข่ ณ ปีกตะวันตกของทำเนียบขาวว่า ตนตัดสินใจยุติการรณรงค์เลือกตั้ง เพื่อรักษาความเป็นประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกา ขณะที่ภริยา ลูกๆ และหลานๆ นั่งกันพร้อมหน้าให้กำลังใจ
ประเด็นที่ต้องติดตามภายใน 4 เดือนข้างหน้าคือ ผู้พิพากษาจะกำหนดโทษเพียงใดต่อฮันเตอร์ ไบเดน ในคดีแจ้งเท็จขณะซื้ออาวุธ โดยที่ว่าในตอนนั้น ตัวฮันเตอร์ ไบเดน ยังใช้ยาเสพติดอยู่ เพื่อติดตามว่า ฮันเตอร์ ไบเดน จะได้รับโทษเพียงใด ในสถานการณ์ที่บิดารอมชอมกับพรรคเดโมแครตแล้ว
ซีเอ็นเอ็นอธิบายว่าระวางโทษสูงสุดคือ จำคุก 25 ปี และปรับเงินสูงได้ถึง 750,000 ดอลลาร์ แต่ก็มีโอกาสมากเลยที่จะถูกกำหนดโทษเพียงเบาบาง เพราะความผิดครั้งนี้เป็นความผิดครั้งแรก และโดยทั่วไป ผู้พิพากษาจะนัดวันอ่านระวางโทษภายใน 120 วันหลังคณะลูกขุนประกาศการตัดสินคดี ซึ่งเท่ากับว่าคำเฉลยจะปรากฏออกมาก่อนวันเลือกตั้ง
นอกจากนั้น ยังมีคดีความการหลบเลี่ยงภาษีที่ฟ้องร้องกันในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งจะเริ่มไต่สวนกันในต้นเดือนกันยายนศกนี้
คอลัมน์ PLANET No.3
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: ซีเอ็นเอ็น เดลิเมลดอทคอม นิวยอร์กโพสต์ เอบีซี นิวส์ เอ็นบีซี นิวส์)