มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors) อยู่ระหว่างเจรจาความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรฮอนด้าและนิสสัน ซึ่งจะถือเป็นการจับมือกันระหว่าง 3 ค่ายยานยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นที่มียอดขายรวมกันมากกว่า 8 ล้านคัน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์นิกเกอิเมื่อวันอาทิตย์ (28 ก.ค.)
รายงานระบุว่า มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ซึ่งมีนิสสันถือหุ้นอยู่ 34% จะทำงานร่วมกับฮอนด้าและนิสสันเพื่อสรุปเงื่อนไขในการเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ครั้งนี้ และค่ายรถทั้ง 3 เจ้ายังมีแผนที่จะพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ควบคุมรถยนต์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันด้วย
ล่าสุด มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ยังคงปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานชิ้นนี้ ขณะที่โฆษกนิสสันบอกแค่ว่ารายงานดังกล่าวไม่ได้มีพื้นฐานมาจากสิ่งที่บริษัททั้ง 3 ได้ประกาศออกมา ส่วนโฆษกฮอนด้าก็ยังไม่ออกตอบคำถามใดๆ เช่นกัน
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในขณะที่นิสสันซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของแดนปลาดิบสูญเสียส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่องในสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งถือเป็น 2 ตลาดใหญ่ที่สุดของแบรนด์ โดยมียอดขายรวมกันคิดเป็นครึ่งหนึ่งของยอดขายรถนิสสันทั่วโลกในช่วง 1 ปีจนถึงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
วันพฤหัสบดีที่แล้ว (25) นิสสันได้ประกาศปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิสำหรับปีงบการเงินที่สิ้นสุดในเดือน มี.ค. ปี 2025 หลังการหั่นราคารถยนต์ในตลาดสหรัฐฯ ทำให้บริษัทแทบจะไม่เหลือผลกำไรในช่วงไตรมาสแรก
นิสสันและฮอนด้าแถลงเมื่อเดือน มี.ค. ว่ากำลังพิจารณาจับมือเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์เพื่อร่วมกันผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า และพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) สำหรับระบบซอฟต์แวร์ควบคุมรถ
ทั้งนี้ มิตซูบิชิได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มพันธมิตรนิสสัน-เรโนลต์ซึ่งมีการประกาศปรับโครงสร้างในปีที่แล้ว โดยมุ่งลดขั้นตอนและเน้นความเป็นหุ้นส่วนเชิงปฏิบัติมากขึ้น
ความร่วมมือระหว่างนิสสัน ฮอนด้า และมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คาดว่าจะช่วยให้ทั้ง 3 บริษัทสามารถลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งมีค่าย BYD ของจีนและ Tesla ครองตลาดอยู่
ในจีนซึ่งถือเป็นตลาดรถยนต์ใหญ่ที่สุดในโลก แบรนด์รถจากญี่ปุ่นเคยเป็นที่นิยมก่อนหน้านี้ ทว่าปัจจุบันกลับเผชิญการแข่งขันที่ดุเดือดกับค่ายรถสัญชาติจีนที่เพิ่มกำลังผลิตอย่างต่อเนื่อง และดึงดูดใจผู้บริโภคด้วยราคาที่ถูกกว่า แถมยังมอบเทคโนโลยีและฟีเจอร์อำนวยความสะดวกที่หลากหลาย
ที่มา : รอยเตอร์