รัฐบาลบังกลาเทศประกาศวานนี้ (23 ก.ค.) ว่าพร้อมจะปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลสูงสุดที่สั่งให้เปิดรับสมัครบุคคลเข้าสอบแข่งขันใน 93% ของตำแหน่งงานราชการทั้งหมด โดยเป็นไปตามข้อเรียกร้องของกลุ่มนักศึกษาภายหลังเหตุจลาจลนองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี
อย่างไรก็ดี กลุ่มนักศึกษาได้ยื่นข้อเรียกร้องเพิ่มเติมให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิว เลิกตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต และให้โรงเรียนและมหาวิทยาลัยเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ จึงทำให้ขณะนี้ยังไม่แน่ว่าท่าทีอ่อนข้อของรัฐบาลจะช่วยยุติการประท้วงได้หรือไม่
รัฐบาลบังกลาเทศได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการเคอร์ฟิวบางส่วนระหว่างเวลา 10.00-17.00 น. ตั้งแต่วันพุธ (24) เป็นต้นไปเพื่อให้ประชาชนสามารถออกไปจับจ่ายซื้อสินค้าที่จำเป็น ขณะที่สำนักงานต่างๆ ก็สามารถเปิดทำการได้ระหว่างเวลา 11.00-15.00 น.
ทางการบังกลาเทศได้ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตมือถือ และส่งทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ หลังเกิดเหตุปะทะรุนแรงระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงตามเมืองต่างๆ ทั่วบังกลาเทศ ซึ่งมีประชากรราว 170 ล้านคน
เหตุจลาจลที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วเกือบ 150 คน และอีกกว่า 1,600 คนถูกจับกุมที่กรุงธากาและเมืองจิตตะกอง
สถานการณ์เริ่มผ่อนคลายไปในทางที่ดีขึ้น หลังจากศาลสูงสุดมีคำตัดสินเมื่อวันอาทิตย์ (21) ให้รัฐบาลบังกลาเทศใช้วิธีสอบแข่งขันเพื่อคัดเลือกบุคคลตามความสามารถเข้าปฏิบัติงานในตำแหน่งงานราชการ 93%
“รัฐบาลได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลสูงสุดแล้ว” อานิซุล ฮัก รัฐมนตรีกระทรวงกฎหมายบังกลาเทศบอกกับสื่อมวลชน พร้อมอ้างถึงประกาศในรัฐกิจจานุเบกษา
“การปฏิรูปโควตาตำแหน่งงานรัฐเกิดขึ้นแล้ว ผมหวังว่านักศึกษาทุกคนจะกลับไปตั้งใจเรียนหนังสือกันตามปกติ” เขากล่าว
ซาร์จิส อะลัม หนึ่งแกนนำการประท้วง ระบุว่านักศึกษาต้องการให้รัฐบาลปฏิบัติตามข้อเรียกร้องใหม่ของพวกเขาภายใน 48 ชั่วโมง และนายกรัฐมนตรี ชัยค์ ฮาซินา ต้องออกมาขอโทษประชาชนต่อการบาดเจ็บล้มตายที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปหากพ้นกำหนดเส้นตาย
รัฐบาล ฮาซินา เคยยกเลิกระบบโควตางานราชการไปเมื่อปี 2018 ซึ่งแต่เดิมนั้นมีการสงวนตำแหน่งงานรัฐถึง 56% ไว้ให้กับกลุ่มคนต่างๆ รวมถึงตำแหน่งงาน 30% สำหรับสมาชิกในครอบครัวของผู้ที่ร่วมต่อสู้ในสงครามเรียกร้องเอกราชปี 1971
อย่างไรก็ตาม ศาลสูงบังกลาเทศได้พิพากษาให้ตำระบบโควตากลับมาใช้ใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว จนทำให้กลุ่มนักศึกษาไม่พอใจและลุกฮือประท้วง
ปมเหตุที่นักศึกษาเหล่านี้โกรธแค้นก็เนื่องจากว่า ระบบโควตาทำให้ตำแหน่งงานราชการที่คัดเลือกจากความสามารถเหลือแค่ไม่ถึงครึ่ง ท่ามกลางอัตราการว่างงานที่พุ่งสูงลิ่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเอกชน ซึ่งทำให้งานราชการที่มีความมั่นคงและรายได้แน่นอนกลายเป็นที่ต้องการมากขึ้น
ที่มา: รอยเตอร์