‘ทรัมป์’กำลังส่งคลื่นช็อกสะเทือนสะท้านตลอดทั่วทั้ง ‘อุตสาหกรรมชิป’ของโลก

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Trump sending shockwaves across global chip industry
By NIGEL GREEN
17/07/2024

ทีเอสเอ็มซี ยักษ์ใหญ่เซมิคอนดักเตอร์ใต้ไหวันจะต้องลงมือกระทำอะไรกันตั้งแต่ตอนนี้แล้ว ในเรื่องที่ทรัมป์แสดงความคิดเห็นซึ่งทำให้พวกนักลงทุนหวั่นไหวกระวนกระยายจนกระทั่งเริ่มทิ้งหุ้นของบริษัท

การที่หุ้นของพวกบริษัทชิประดับโลกราคาตกต่ำลงในระยะไม่นานมานี้ –โดยที่พวกยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอย่างเช่น เอเอสเอ็มแอล (ASML), อินวิเดีย (Nvidia), และ ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง คอมพานี หรือ ทีเอสเอ็มซี (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC) กำลังถูกตีกระหน่ำอย่างแรงๆ กันทั้งนั้น – เป็นสัญญาณแสดงให้เห็นว่ามันมีอะไรมากกว่าเพียงความวูบวาบหวือหวาของตลาด

แทนที่จะเป็นเรื่องแค่นั้น มันกลับตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องจัดกลุ่มรวมตัวเชิงยุทธศาสตร์กันใหม่ เมื่อเผชิญกับการปั่นป่วนพลิกผันในทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งที่สำคัญแล้วมาจากสหรัฐฯ ประเทศเจ้าของระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก

คณะบริหารไบเดนนั้นกำลังจ้องเขม็งที่จะเข้ากวาดล้างปราบปรามครั้งใหญ่บรรดาบริษัทที่กำลังส่งออกเทคโนโลยีซึ่งทรงสำคัญยิ่งยวดสำหรับการทำชิปไปยังประเทศจีน

ทั้งนี้วอชิงตันอาศัยกฎระเบียบของตนเองที่มีชื่อว่า foreign direct product rule (FDPR) ซึ่งเปิดทางให้สหรัฐฯสามารถดำเนินการควบคุมผลิตภัณฑ์ทั้งหลายที่จริงๆ แล้วผลิตกันในต่างประเทศ ทว่ามีการใช้เทคโนโลยีสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณเล็กน้อยขนาดไหนก็ตามที ดังนั้น เรื่องนี้จึงสามารถส่งผลกระทบกระเทือนต่อพวกกิจการที่ไม่ได้เป็นของอเมริกันอย่างกว้างขวาง

ในอีกด้านหนึ่งที่มิได้มีความเกี่ยวข้องกันโดยตรง อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ –ผู้ซึ่งเวลานี้ดูน่าจะที่เป็นฝ่ายชนะในการแข่งขันช่วงชิงทำเนียบขาวต้นเดือนพฤศจิกายนนี้— ก็กำลังก่อให้เกิดคลื่นช็อกสะเทือนสะท้านไปทั่วทั้งอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ จากการพูดให้สัมภาษณ์สื่อซึ่งนำออกมาเผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้

จากการที่ทรัมป์เสนอแนะว่า ไต้หวันควรที่จะต้องจ่ายเงินค่าคุ้มครองให้แก่สหรัฐฯสำหรับการดำเนินการพิทักษ์ปกป้องดินแดนแห่งนั้น รวมทั้งยืนกรานว่าไต้หวันได้ยึดเอาธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของอเมริกาไปถึง “ราวๆ 100%” เขาก็ได้จุดชนวนให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับไต้หวัน, ชะตากรรมของบริษัททีเอสเอ็มซี, ตลอดจนห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ของทั่วโลก

การแสดงความคิดเห็นเช่นนี้ทำให้เกิดเงาทะมึนของความระแวงสงสัย เกี่ยวกับความมุ่งมั่นผูกพันของสหรัฐฯที่จะเข้าปกป้องไต้หวันเมื่อต้องเผชิญกับการก้าวร้าวรุกรานของจีนที่อาจเกิดขึ้นมา กลายเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ไร้ความแน่นอนซึ่งเป็นตัวเขย่าตลาดให้หวั่นไหวอย่างรุนแรง

ทีเอสเอ็มซี ซึ่งมีฐานะเป็นโรงงานรับจ้างผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำบนพื้นพิภพ เวลานี้ถือเป็นเสาหลักต้นหนึ่งของระบบนิเวศเทคโลกทีเดียว การที่ราคาหุ้นของบริษัทแห่งนี้ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน เกิดหล่นลงมาราวๆ 2.4% เมื่อไม่กี่วันก่อน คือเครื่องบ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความกระวนกระวายของพวกนักลงทุน

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาขณะที่ตลาดเต็มไปด้วยความปั่นป่วนผันผวนเฉกเช่นปัจจุบัน มันก็ไม่ใช่หมายถึงอุปสรรคความท้าทายเพียงด้านเดียว หากแต่มันยังก่อให้เกิดโอกาสอันดีสำหรับที่ทีเอสเอ็มซีและอุตสาหกรรมชิปในวงกว้างออกไป จะประเมินทบทวนและเสริมสร้างฐานะทางยุทธศาสตร์ของพวกตนเสียใหม่ โดยที่อันดับแรกสุดเลย ทีเอสเอ็มซีและพวกบริษัทเซมิคอนดักเตอร์แห่งอื่นๆ จะต้องลงแรงใช้ความพยายามให้เต็มเหนี่ยวในการกระจายห่วงโซ่อุปทานของพวกตน

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการขยายสมรรถนะการผลิตทางอุตสาหกรรมให้เลยไกลไปจากไต้หวัน เพื่อบรรเทาความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การจัดตั้งโรงงานการผลิตแห่งใหม่ๆ ขึ้นมาในพวกประเทศที่เป็นพันธมิตรกัน สามารถที่จะปกป้องการดำเนินงานไม่ให้มีอันสะดุดติดขัด จากการถูกก่อกวนขัดขวางซึ่งอาจเกิดขึ้นมาได้

แล้วเพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันของตนเอาไว้ให้ได้ พวกยักษ์ใหญ่ด้านเทคยังควรที่จะเร่งการลงทุนในด้านเทคโนโลยีและงานวิจัยซึ่งก้าวหน้าล้ำสมัย ตัวอย่างเช่น ทีเอสเอ็มซี หากยังคงสามารถรักษาตำแหน่งแถวหน้าของนวัตกรรมทางเซมิคอนดักเตอร์ และครองความเป็นผู้นำตลาดได้อย่างต่อเนื่อง มันก็ย่อมเป็นเครื่องรับประกันให้มั่นใจได้ว่าบริษัทจะยังคงมีฐานะเป็นสิ่งที่ไม่อาจขาดหายได้ สำหรับพวกยักษ์ใหญ่เทคระดับโลกทั้งหลาย

อันที่จริงแล้ว อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ต้องแสดงบทบาทอย่างกระตือรือร้นในการส่งอิทธิพลต่อการอภิปรายถกเถียงกันในทางภูมิรัฐศาสตร์ พวกผู้นำทางอุตสาหกรรมควรที่จะเข้ามีปฏิสัมพันธ์กับพวกผู้กำหนดนนโยบายเพื่อสนับสนุนผลักดันให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศชนิดที่มีเสถียรภาพและที่แสดงบทบาทในทางส่งเสริมสนับสนุน ซึ่งสามารถพิทักษ์ปกป้องผลประโยชน์ต่างๆ ของเศรษฐกิจเทคในตลอดทั่วโลก

ในการตอบสนองต่อการแสดงความเห็นเช่นนี้ของทรัมป์ เป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวดสำหรับไต้หวันที่จะต้องอุ้มชูค้ำจุนความร่วมมือทางด้านกลาโหมที่มีอยู่กับสหรัฐฯและพวกพันธมิตรอื่นๆ การเป็นหุ้นส่วนกันทางด้านกลาโหมที่แข็งแกร่งไม่เพียงเป็นหลักประกันให้แก่ความมั่นคงปลอดภัยของไต้หวันเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความแข็งแรงให้แก่ความมั่นอกมั่นใจของนักลงทุนเกี่ยวกับเสถียรภาพของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในภูมิภาคแถบนี้

บรรยากาศทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบันกำลังส่งผลกระทบกระเทือนมากมายเกินกว่าแค่เรื่องไต้หวันเท่านั้น ปัญหาเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน และความติดขัดในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ ล้วนแต่สามารถกระเพื่อมสั่นไหวตลาดทั่วโลก และส่งผลกระทบกระเทือนอุตสาหกรรมแขนงต่างๆ ตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภค ตลอดจนไปไกลยิ่งกว่านั้นอีก

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของผู้ที่มีสิทธิมีส่วนในระดับโลกทั้งหลาย ที่จะต้องสนับสนุนเสถียรภาพและการเจริญเติบโตในภาคเซมิคอนดักเตอร์ เส้นทางดำเนินไปข้างหน้าเช่นนี้เรียกร้องต้องการความสามัคคีเป็นเอกภาพกันและการมองการณ์ไกลในเชิงยุทธศาสตร์ทั้งจากพวกผู้นำอุตสาหกรรมและจากรัฐบาลทั้งหลาย

อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์คือกระดูกสันหลังของระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่ และเสถียรภาพของอุตสาหกรรมนี้เป็นสิ่งที่ทรงความสำคัญอย่างที่สุด ด้วยการดำเนินจังหวะก้าวเดินแบบเชิงรุกเพื่อส่งเสริมเพิ่มพูนความหยุ่นตัว, นวัตกรรม, และหล่อเลี้ยงความผูกพันเชิงการทูตเอาไว้ให้ได้ ทีเอสเอ็มซีและเพื่อนมิตรในวงการอุตสาหกรรมของพวกเขาก็สามารถที่จะรับมือกับช่วงเวลาแห่งความอลหม่านผันผวนและผงาดขึ้นมาหลังจากความปั่นป่วนด้วยสภาพที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก

เวลานี้คือเวลาที่ทีเอสเอ็มวีจะต้องลงมือกระทำการอย่างห้าวหาญ และแสดงให้เห็นความเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ เดิมพันนั้นสูงลิวลิ่ว แต่ด้วยการกำหนดยุทธศาสตร์ต่างๆ ที่ถูกต้อง บริษัทแห่งนี้และอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกก็สามารถที่จะฝ่าฟันข้ามพ้นพายุร้ายที่กำลังก่อตัวขึ้นมา และเจริญรุ่งเรืองในภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างใหม่

ไนเจล กรีน เป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอของกลุ่มดีเวียร์ (deVere Group)