เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - หนี้ต่างชาติของลาวพุ่ง 950 ล้านดอลลาร์ปีที่ผ่านมา เกิดจากหนี้กู้ยืมมหาศาลจากจีน ผู้เชี่ยวชาญชี้ จีนเป็นเจ้าของประเทศ เวียงจันทน์ขอเลื่อนชำระหนี้แต่ ชาวลาวเริ่มรณรงค์แบนเงินบาทและเงินดอลลาร์ส่ง #savelaokip ห้ามใช้ซื้อของหวังกระตุ้นค่าสกุลเงินกีบ แต่เริ่มสงผลกระทบวุ่นนักท่องเที่ยวสับสน
ยูเรเชียไทม์ส (Eurasia Times) รายงานวันนี้ (12 ก.ค.) ว่า หนี้มหาศาลจากจีนส่งผลทำให้ลาวซึ่งเป็นชาติพันธมิตรใกล้ชิดจีนต้องตกอยู่ในวิกฤตหนี้ครั้งร้ายแรง สร้างความวิตกต่ออนาคตของประเทศ
อ้างอิงจากการเปิดเผยจากทางการเวียงจันทน์เมื่อไม่นานมานี้ พบว่า ลาวมีหนี้ต่างชาติเพิ่มเกือบ 2 เท่า และรัฐบาลมีความจำเป็นต้องขอเลื่อนออกไปเพื่อเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ (default) จีนประกาศจะยื่นมือให้ความช่วยเหลือเพื่อนบ้านในการลดภาระก้อนหนี้มหาศาลลง บลูมเบิร์กรายงาน
อ้างอิงจากสื่อลาวไทม์ส์ที่รายงานเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่า รัฐบาลเวียงจันทน์ต้องการเวลามากขึ้นเพื่อจ่ายหนี้ของตัวเองจากการที่หนี้ภายนอกเพิ่มจาก 507 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 มาอยู่ที่ 950 ดอลลาร์ในปี 2023 อ้างอิงจากรายงานทางการลาว
ในการจัดการนี้ ลาวได้ขอผ่อนผันเลื่อนการชำระก้อนหนี้จำนวน 670 ล้านในปี 2023 นอกเหนือจากก้อนหนี้จำนวน 1.22 พันล้านดอลลาร์ที่มีการผ่อนผันตั้งแต่ปี 2020 อ้างอิงจากรายงานกระทรวงการคลังลาวที่มีการเผยแพร่เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา
สื่อลาวไทม์ส (Laotian Times) รายงานว่าในการแก้ปัญหา รัฐบาลลาวกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบรรดาเจ้าหนี้ต่างๆ เพื่อขอเลื่อนหนี้ที่ยังคงค้างและเพิ่มสภาพคล่อง
ลาวมีหนี้สาธารณะร่วม 13.8 พันล้านดอลลาร์ที่เป็น 108% ของตัวเลขจีดีพีลาว โดยราว 10.5 พันล้านดอลลาร์เป็นหนี้มาจากจีน
ยูเรเชียไทม์สรายงานว่า หนี้ภาครัฐมหาศาลนี้มาจากข้อตกลงโครงการโครงสร้างพื้นฐานภายใต้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง BRI ของปักกิ่ง
รัฐบาลคอมมิวนิสต์ลาวเริ่มกลายเป็นข่าวใหญ่หลังจากได้ทำการเปิดเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจากทุนจีนในสนนราคาเกือบ 6 พันล้านดอลลาร์ และถึงแม้จะมีจำนวนมากมองว่าเป็นการพัฒนาจากการที่เป็นการเริ่มต้นการผลักดันโครงสร้างพื้นฐานครั้งมโหฬารที่จะเชื่อมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าด้วยกันในทันทีกับระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกเช่นจีน แต่ในเวลาเดียวมันสร้างวิกฤตหนี้ให้ลาว
นอกเหนือจากวิกฤตค่าสกุลเงินกีบที่ตกต่ำ ชาวลาวยังประสบปัญหาราคาอาหารและน้ำมันเพิ่ม ส่งผลทำให้เกิดปัญหาวิกฤตเงินเฟ้อครั้งมโหฬาร มีความวิตกไปทั่วประเทศลาวว่า ลาวอาจพบกับเศรษฐกิจล่ม
ยูเรเชียไทม์สชี้ว่า ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าแถลงการณ์จากปักกิ่งที่รับปากจะช่วยคลายหนี้ให้ลาวอาจเป็นความจริง จากเหตุผลว่า ลาวเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง BRI นั้นถูกพิสูจน์ว่าประสบความสำเร็จ
และปักกิ่งตั้งเป้าจะจะใช้ให้เป็นโมเดลตัวอย่างสำหรับชาติอื่นๆ ให้ทำตาม อ้างอิงจากแผนการของจีน พบว่าโครงการเส้นทางรถไฟนั้นมีแผนที่จะเชื่อมลาวเข้ากับไทยก่อนที่จะทอดยาวไปสู่มาเลเซียและสิงคโปร์
อ้างอิงจากแล็บวิจัย AidData ของมหาวิทยาลัยวิลเลียมและแมรี (William & Mary university) ที่เก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ ที่ได้ติดตามการให้เงินกู้ของจีน และคำนวณว่าลาวนั้นมีภาระหนี้ทั้งหมดต่อจีนกินเวลานาน 18 ปี
แบรด ปาร์คส์ (Brad Parks) ผู้อำนวยการบริหาร AidData กล่าวว่า “ไม่มีชาติใดในโลกที่มีจำนวนหนี้จีนได้สูงกว่าลาวอีกแล้ว มันเป็นตัวอย่างที่เด่นชัดอย่างมากว่า..ลาวนั้นกู้ยืมอย่างไม่ยั้งจนกระทั่งหนี้ท่วมหัว”
ทั่วโลกจับตาวิกฤตกับดักหนี้ของจีนหลังศรีลังกาเกิดวิกฤตหนี้ท่วมครั้งมโหฬาร เอพีชี้ว่า ปักกิ่งลังเลที่จะยกหนี้ และไม่มีความโปร่งใสต่อจำนวนและเงื่อนไขของเงินกู้ส่งผลทำให้ชาติที่ติดกับดักหนี้เหล่านี้ได้รับการช่วยเหลือจากชาติอื่นๆ
ยูเรเชียไทม์สรายงานว่า ในการแลกเปลี่ยนไม่ต้องจ่ายคืนหนี้ บรรดานักสังเกตชี้ว่า ปักกิ่งในปัจจุบันได้มีการควบคุมบางส่วนต่อโครงสร้างพื้นฐานการไฟฟ้าลาว เจ้าหน้าที่ความมั่นคงจีน และตำรวจจีนสามารถปฎิบัติหน้าที่ภายในลาวและให้ความปลอดถภัยต่อเส้นทางรถไฟสายใหม่
ขณะที่สื่อดิจิทัลลาวชื่อดัง Time To Share บนยูทูบรายงานวันนี้ (11) ถึงสถานการณ์ล่าสุดภายในประเทศในสภาวะที่ค่าเงินกีบตกต่ำ ในเวลามีการเริ่มรณรงค์อย่างจริงจังผ่าน #savekiplao บนโซเชียลมีเดีย โดยรณรงค์ให้ร้านค้าต่างๆ ไม่รับสกุลเงินตราต่างประเทศเพื่อต้องการพยุงค่าเงินของตัวเอง
โดยไทยได้รับผลกระทบเช่นกันโดยผู้จัดชี้ว่าทั้งเงินบาทไทยและสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐถูกปฏิเสธไม่รับเช่นกัน โดยเริ่มต้นที่ปากเซ (Pakse) ทางใต้ก่อนขยายไปสู่ที่อื่น มีหลายร้านขึ้นป้ายรับแต่เงินกีบของลาวพร้อมกับขึ้นอัตราแลกเปลี่ยนเองที่ต่ำกว่าของทางการซึ่งผู้จัดกล่าวว่า "ผิดกฎหมาย"
สื่อลาวเปิดเผยว่า ล่าสุดปัญหารณรงค์การใช้แต่เงินกีบลาวเริ่มส่งผลกระทบ นักท่องเที่ยวสับสนและบางส่วนระบุว่าเป็นการดิสเครดิตสกุลเงินประเทศเพื่อนบ้าน