มอสโกปฏิเสธอย่างโกรธเกรี้ยวในวันอังคาร (9 ก.ค.) ยืนยันไม่ได้เป็นผู้ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมที่โรงพยาบาลเด็ก โอคมัตเดต ในกรุงเคียฟ ซึ่งถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธเมื่อวันจันทร์ (8) โดยโฆษกทำเนียบเครมลิน ดมิตริ เปสคอฟ ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีสาเหตุมาจากขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของฝ่ายยูเครนเอง อย่างไรก็ตาม ทางด้านสำนักข่าวรอยเตอร์เห็นแย้ง ระบุว่าหลักฐานที่ปรากฏยืนยันว่าเป็นการถล่มโจมตีของขีปนาวุธรัสเซียจริงๆ
อาร์ที สื่อของทางการรัสเซียรายงานว่า ขณะกล่าวกับบรรดาผู้สื่อข่าวในวันอังคาร (9) เปสคอฟย้ำว่า รัสเซีย “ไม่ได้โจมตีใส่พวกเป้าหมายพลเรือน” และบอกว่าการโจมตีทั้งหมดที่กระทำโดยฝ่ายทหารรัสเซียนั้น เล็งเฉพาะเจาะจงไปที่ “พวกสิ่งปลูกสร้างด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญยิ่งยวด และพวกเป้าหมายทางทหาร ซึ่งมีความพัวพันเกี่ยวข้องอยู่กับศักยภาพทางทหารของระบอบปกครองเคียฟ”
เมื่อถูกผู้สื่อข่าวจี้ถามถึงการกล่าวหาของยูเครนที่ว่า รัสเซียเจตนาโจมตีโรงพยาบาลเด็กแห่งนั้นในกรุงเคียฟ เปสคอฟก็ชี้ไปที่คำแถลงอย่างเป็นทางการของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ซึ่ง “ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงว่ามีการโจมตีใส่เป้าหมายทางพลเรือนใดๆ” และกล่าวโทษว่าเหตุการณ์ถล่มโรงพยาบาลดังกล่าว เกิดขึ้นจากขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานของฝ่ายยูเครนที่ตกลงมา
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้รายงานเอาไว้ตั้งแต่วันจันทร์ (8) ว่า กองทัพแดนหมีขาวได้เปิดการโจมตีขนาดใหญ่ โดยใช้พวกอาวุธพิสัยไกลความแม่นยำสูง เพื่อกระหน่ำใส่บรรดาสิ่งปลูกสร้างของอุตสาหกรรมทหาร ตลอดจนฐานทัพด้านการบินของยูเครน การโจมตีดังกล่าวว่ากันว่าเพื่อตอบโต้ความพยายามอย่างไม่ยอมหยุดของเคียฟที่มุ่งก่อความเสียหายให้แก่สิ่งปลูกสร้างทางด้านพลังและทางด้านเศรษฐกิจของรัสเซีย
ทางกระทรวงย้ำว่า เป้าหมายต่างๆ ที่รัสเซียมุ่งเข้าโจมตีนั้นได้ถูกเล่นงานทั้งหมด พร้อมกับปฏิเสธข้ออ้างของเคียฟที่ว่า ขีปนาวุธรัสเซียโจมตีถูกพวกสิ่งปลูกสร้างฝ่ายพลเรือน โดยย้ำว่า การกล่าวอ้างนี้ “ไม่เป็นความจริงอย่างที่สุด”
“ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอซึ่งได้รับการเผยแพร่แล้วจำนวนหนึ่งโดยออกมาจากกรุงเคียฟ ยืนยันอย่างชัดเจนถึงข้อเท็จจริงของการทำลายล้างคราวนี้ว่า สืบเนื่องจากการตกลงมาของขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของฝ่ายยูเครนลูกหนึ่ง โดยขีปนาวุธนี้ยิงออกมาจากระบบขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานภายในนครดังกล่าว” คำแถลงของกระทรวงระบุ
นอกจากนั้น คำแถลงนี้ยังกล่าวหาเคียฟว่ากำลังพยายาม “ตีโพยตีพายเหมือนอาการโรคประสาท” ทำนองเดียวกับที่พวกเขาเคยทำมาในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนหน้าการประชุมซัมมิตระดับระหว่างประเทศรายการใหญ่ๆ อย่างเช่น การประชุมของนาโตที่กรุงวอชิงตันซึ่งเริ่มต้นขึ้นในวันอังคาร (9) กระทรวงกลาโหมรัสเซียเสนอแนะว่า เหตุการณ์ที่โรงพยาบาลเด็ก ฮัคมัตเดต กำลังถูกพวกเจ้าหน้าที่มีอำนาจในยูครนฉวยใช้ประโยชน์ เพื่อให้แน่ใจว่ายังคงมีเงินทุนไหลเวียนเข้ามา และการสู้รบขัดแย้งนี้ก็จะยังคงดำเนินต่อไป
อาร์ทียังรายงานว่า อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ ก็เสนอแนะทำนองเดียวกัน โดยกล่าวว่า โศกนาฏกรรมโรงพยาบาลเด็กในเคียฟคราวนี้ ถูกพวกฝ่ายตะวันตกที่หนุนหลังเคียฟมองว่า เป็น “ของขวัญสุดเพอร์เฟกต์” สำหรับใช้สนับสนุนความชอบธรรมในการทำให้การสู้รบขัดแย้งนี้บานปลายขยายตัวออกไปอีก และในการทำให้ความเป็นปรปักษ์กันดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
พวกสื่อตะวันตกกำลัง “ตีโพยตีพายเหมือนอาการโรคประสาท” และกำลังซุกซ่อนข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเหตุโศกนาฏกรรมครั้งนี้ อันโตนอฟกล่าวอ้าง ซึ่งก็รวมถึงการประเมินของฝ่ายมอสโกที่ว่า เหตุการณ์นี้เกิดจากขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน อาร์ทีสื่อรัสเซียบอก
อาร์ทีกล่าวว่า พวกสื่อโปรยูเครนเวลานี้อ้างว่า อาวุธที่โจมตีใส่โรงพยาบาลแห่งนี้ คือขีปนาวุธร่อน Kh-101 ซึ่งยิงออกมาจากทางอากาศโดยฝ่ายรัสเซีย อย่างไรก็ดี คนอื่นๆ โต้แย้งว่า อาวุธปล่อยนี้ ซึ่งดูเหมือนสามารถมองเห็นได้ในวิดีโอคลิปหนึ่งที่ถ่ายจากระยะไกลโดยประจักษ์พยานผู้หนึ่งนั้น บางทีอาจจะเป็นขีปนาวุธ AIM120 ซึ่งยิงออกมาจากระบบขีปนาวุธ NASAM ของสหรัฐฯ หรือเป็นขีปนาวุธสกัดกั้นซึ่งยิงออกมาจากระบบขีปนาวุธ MIM-104 แพทริออต โดยที่มีชาติตะวันตกหลายรายจัดส่งอาวุธซึ่งพัฒนาขึ้นโดยสหรัฐฯ ชนิดนี้ไปให้แก่ยูเครน
รอยเตอร์บอกรัสเซียไม่มีหลักฐานสนับสนุนการแก้ต่าง
อย่างไรก็ตาม ทางด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ซึ่งรายงานการแถลงข่าวแก้ต่างของ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินด้วยเช่นกัน ระบุว่าเปสคอฟกล่าวโทษว่าสาเหตุของการที่โรงพยาบาลเด็กในเคียฟถูกถล่ม น่าจะเกิดขึ้นขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานที่ฝ่ายเคียฟเองเป็นผู้ยิง แต่กลับตกลงมาใส่โรงพยาบาลนั้น เป็นการพูดที่ไม่ได้มีการนำหลักฐานมายืนยันสนับสนุน
รอยเตอร์บอกด้วยว่า จากคลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ (8) ซึ่งทางรอยเตอร์ได้ตรวจพิสูจน์ยืนยันแล้วว่าคลิปนี้เป็นของจริง แสดงให้เห็นว่าขีปนาวุธที่กำลังตรงเข้ามาถล่มใส่โรงพยาบาลนั้น พุ่งเข้าใส่ด้วยวงโคจรที่ตั้งชันและด้วยอัตราความเร็วสูง จึงน่าจะเป็นการบินเข้ามาโจมตีโดยตรง ไม่ใช่การบินเข้ามาเพราะยิงพลาดเป้าหมาย
ขณะเดียวกัน รอยเตอร์รายงานการแถลงของสำนักงานความมั่นคงแห่งรัฐของยูเครน ที่ว่าในจุดเกิดเหตุ ได้พบเศษชิ้นส่วนห่างของขีปนาวุธ Kh-101 ของรัสเซีย ซึ่งมีหมายเลขซีเรียลนัมเบอร์อย่างชัดเจน รวมทั้งชิ้นส่วนของระบบนำวิถีอีกด้วย โดยสำนักงานได้เผยแพร่ภาพสิ่งที่ค้นพบเหล่านี้แล้ว
นอกจากนั้น รอยเตอร์ยังรายงานคำกล่าวของ ดานิเอลล์ เบลล์ หัวหน้าคณะทำงานติดตามเรื่องสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติในยูเครน ที่กล่าวว่า จากการวิเคราะห์คลิปวิดีโอและการประเมินจากจุดเกิดเหตุ บ่งชี้ให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้สูงที่โรงพยาบาลเด็กแห่งนี้จะถูกโจมตีโดยตรง ไม่ใช่ได้รับความเสียหายจากระบบอาวุธที่มุ่งเข้าไปสกัดกั้น
(ที่มา : อาร์ที, รอยเตอร์)