ตำรวจออสเตรเลียจับกุมเด็กชายวัย 14 ปี ซึ่งก่อเหตุใช้มีดไล่แทงคนภายในมหาวิทยาลัยซิดนีย์ (University of Sydney) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (2 ก.ค.) จนทำให้ทางมหาวิทยาลัยต้องประกาศล็อกดาวน์อาคารต่างๆ เพื่อความปลอดภัย
ทีมแพทย์ฉุกเฉินได้ให้การปฐมพยาบาลแก่ชายวัย 22 ปี ก่อนนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการสาหัส ตามข้อมูลจากตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์
รายงานระบุว่า เด็กชายมือมีดได้ขึ้นรถบัสหลบหนีหลังก่อเหตุ ก่อนจะไปถูกจับใกล้ๆ กับโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ขณะที่ตำรวจประกาศยืนยันว่าไม่มีความเสี่ยงต่อชุมชนอีกต่อไป และตัวผู้ก่อเหตุกับเหยื่อที่ถูกแทงก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วย
ด้านโฆษกมหาวิทยาลัยซิดนีย์ออกมายืนยันว่า มีปฏิบัติการของตำรวจเกิดขึ้นที่วิทยาเขต Camperdown และเจ้าหน้าที่จะยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในมหาวิทยาลัย จนกว่ากระบวนการสอบสวนจะเสร็จสิ้น
เหตุโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงราว 2 เดือน ตามหลังกรณีชายคลั่งใช้มีดไล่ทำร้ายคนภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังใกล้ชายหาดบอนได (Bondi) ของนครซิดนีย์ รวมถึงเหตุโจมตีโบสถ์อัสซีเรียนทางตะวันตกของเมือง ซึ่งทำให้มีบิชอปรูปหนึ่งถูกแทงได้รับบาดเจ็บ
สำหรับเคสหลังนี้ ผู้ก่อเหตุเป็นวัยรุ่นชายอายุเพียง 16 ปี ซึ่งถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายจากการใช้มีดแทงบิชอป ส่วนชายที่ก่อเหตุไล่แทงคนในห้างสรรพสินค้าที่ย่านบอนไดถูกตำรวจหญิงวิสามัญเสียชีวิต
เหตุโจมที่ทั้ง 2 ครั้งทำให้ฝ่ายบริหารรัฐนิวเซาท์เวลส์ตัดสินใจแก้กฎหมายว่าด้วยการพกมีดให้เข้มงวดมากขึ้น ขณะที่สภานิติบัญญัติของรัฐเพิ่งจะผ่านกฎหมายใหม่เมื่อเดือน มิ.ย. ซึ่งอนุญาตให้ตำรวจสามารถใช้เครื่องสแกนโลหะตรวจสอบบุคคลโดยไม่ต้องมีหมายตามห้างสรรพสินค้า สนามกีฬา และสถานีขนส่งสาธารณะ
กฎหมายฉบับนี้ยังเพิ่มโทษปรับขั้นสูงสุด 11,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 268,000 บาท) และจำคุก 12 เดือน สำหรับบุคคลที่ขายมีดให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังห้ามไม่ให้จำหน่ายมีดแก่เด็กอายุระหว่าง 16-17 ปีโดยปราศจากเหตุผลอันสมควรด้วย
ที่มา : รอยเตอร์
