ราคาน้ำมันขยับขึ้นราว 2% แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนในวันจันทร์ (1 ก.ค.) จากความกังวลว่าความขัดแย้งในตะวันออกกลางอาจลุกลามและอุปทานพลังงานโลกลดลง ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกจากแรงหนุนบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ขณะที่ทองคำแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เฝ้ารอมูลแรงงานอันสำคัญในช่วงปลายสัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ ปิดที่ 83.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 86.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อิสราเอล และพวกฮิซบอลเลาะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ยิงตอบโต้กันไปมาตั้งแต่สงครามกาซาเริ่มต้นขึ้น และมีความกังวลเพิ่มมากขึ้นว่าสงครามเต็มรูปแบบอาจปะทุขึ้นระหว่าง 2 ฝ่าย
โอเปก ร่วมกับพันธมิตร กลุ่มที่เรียกว่าโอเปกพลัส ได้ขยายมาตรการลดกำลังผลิตส่วนใหญ่ออกไปจนถึงปี 2025 พวกนักวิเคราะห์มองว่าการลดกำลังผลิตดังกล่าวอาจนำมาซึ่งอุปทานหดตัวในไตรมาส 3 ขณะที่อุปสงค์ด้านการขนส่งและเครื่องปรับอากาศระหว่างฤดูร้อนที่กลืนกินคลังสำรองเชื้อเพลิง
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดในแดนบวกในวันจันทร์ (1 ก.ค.) แนสแดคได้แรงหนุนจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้งหลาย เมินการปรับตัวขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอเมริกา ที่พวกนักวิเคราะห์พยายามโยงกับความคาดหมายในผลเลือกตั้ง
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 50.66 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 39,169.52 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 14.61 จุด (0.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,475.09 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 146.70 จุด (0.83 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,879.30 จุด
หุ้นของแอปเปิล แอมะซอน และไมโครซอฟท์ต่างขยับขึ้นอย่างน้อย 2% ส่งให้ปี 2024 จนถึงตอนนี้ เป็นปีที่เบิกบานของบริษัทเทคโนโลยีทั้งหลาย
แจ็ค อับลิน จากเครสเซต แคปิตอล มองว่าปัจจัยที่สนับสนุนการดีดตัวขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ คือการคาดการณ์ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะก้าวมาเป็นประธานาธิบดีอเมริกาคนถัดไป อันจะนำมาซึ่งการขยายมาตรการปรับลดภาษี และถอยห่างจากแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดดอกเบี้ย
ด้านราคาทองคำปิดในกรอบแคบๆ ในวันจันทร์ (1 ก.ค.)โฟกัสหันสู่ข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ ที่จะให้เงื่อนงำเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมลดลง 70 เซนต์ ปิดที่ 2,338.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)