นายกรัฐมนตรีจีนเรียกร้องประเทศต่างๆ คัดค้านการหย่าร้างแยกขาดจากกันทางเศรษฐกิจ พร้อมตอบโต้ข้อกล่าวหาของตะวันตกเรื่องบริษัทจีนได้ประโยชน์จากการอุดหนุนอย่างไม่เป็นธรรม และการส่งผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมราคาถูกเข้าไปท่วมตลาดอเมริกาและยุโรป
ความขัดแย้งระหว่างตะวันตกกับจีนซึ่งเวลานี้เป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก รุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่ปักกิ่งกับวอชิงตันกำลังแย่งชิงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีขั้นสูง และสหรัฐฯ ยังหวั่นเกรงที่จีนทะยานไปไกลในอุตสาหกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม
นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงของจีน กล่าวเมื่อวันอังคาร (25 มิ.ย.) ระหว่างปราศรัยกับพวกผู้นำทางการเมืองและธุรกิจที่ร่วมประชุมประจำปีของ เวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัม ภาคฤดูร้อน หรือ “ซัมเมอร์ดาวอส” ซึ่งปีนี้จัดขึ้นที่เมืองต้าเหลียน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ เปิดใจ ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ละทิ้งการแบ่งฝักฝ่าย และต่อต้านการหย่าร้างตัดขาดจากกัน
การแสดงความคิดเห็นของหลี่ ที่ถือเป็นผู้นำหมายเลขสองของจีน และได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้รับผิดชอบกิจการเศรษฐกิจของประเทศคราวนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการตัดขาดแยกกันระหว่างจีนกับมหาอำนาจตะวันตกที่คุกรุ่นมาหลายปีแล้ว จากการที่ทั้งสองฝ่ายงัดข้อกันในประเด็นมากมายซึ่งรวมถึงการค้าและเทคโนโลยี
เดือนที่แล้ว อเมริกาขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนรวมมูลค่า 18,000 ล้านดอลลาร์ โดยพุ่งเป้าที่อุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ เหล็กกล้า และแร่ธาตุสำคัญ ขณะที่ปักกิ่งเตือนว่า ความเคลื่อนไหวนี้จะส่งผลรุนแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติมหาอำนาจของโลก
นอกจากนั้น จีนยังกำลังถูกสหภาพยุโรป ตรวจสอบเข้มข้น และเตรียมเรียกเก็บภาษีศุลกากร 38% จากรถอีวีจีนตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. โดยบอกว่ากังวลกับการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมอันเป็นผลจากการอุดหนุนอย่างมโหฬารของทางการปักกิ่ง
การเรียกเก็บภาษีดังกล่าวจะถือเป็นมาตรการชั่วคราว เพื่อให้สองฝ่ายเจรจากัน จากนั้นเมื่อถึงเดือนพฤศจิกายนก็จะมีการใช้มาตรการแบบถาวร
อียูระบุว่า มาตรการอุดหนุนอุตสาหกรรมอีวีอย่างไม่เป็นธรรมของปักกิ่งคุกคามผู้ผลิตยุโรป ตอกย้ำข้อกล่าวหาของวอชิงตันว่า จีนกำลังพยายามส่งอีวี แผงพลังงานแสงอาทิตย์ และผลิตภัณฑ์ราคาถูกอื่นๆ เข้าไปท่วมตลาดอเมริกา
ในการปราศรัยคราวนี้ หลี่ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ทั้งหมด โดยยืนยันว่า อีวี แบตเตอรี่ลิเธียม และแผงพลังงานแสงอาทิตย์ของจีนมีเป้าหมายเริ่มแรกในการตอบสนองความต้องการภายในประเทศ ควบคู่กับการเพิ่มซัปพลายในตลาดระหว่างประเทศ ผ่อนคลายความกดดันด้านเงินเฟ้อทั่วโลก และมีส่วนร่วมในการรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
หลี่สำทับว่า การผงาดขึ้นมาอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมใหม่ของจีนมีที่มาจากความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ ที่เป็นเอกลักษณ์ของจีนเอง
นายกรัฐมนตรีจีนยังเรียกร้องการดำเนินการห่วงโซ่อุปทานที่มีเสถียรภาพและราบรื่น รวมทั้งการเปิดเสรีและอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน
พวกผู้นำยุโรปซึ่งรวมถึง อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นองค์การบริหารของอียู บอกว่าบรัสเซลส์ไม่มีเจตนาหย่าร้างแยกขาดจากจีน แต่ต้องการตัดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
ทว่า จีนตอบโต้ว่า การใช้มาตรการภาษีศุลกากรคือการกีดกันการค้าอย่างแท้จริง และยืนกรานว่า ความสำเร็จของอุตสาหกรรมอีวีเป็นผลจากนวัตกรรมและประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานมากกว่าการสนับสนุนจากรัฐบาล
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการค้าของจีนและอียูสามารถตกลงนัดหมายกันเพื่อเจรจาเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของบรัสเซลส์ โดยที่ก่อนหน้านั้นปักกิ่งเคลื่อนไหวในเชิงตอบโต้ โดยประกาศตรวจสอบเพื่อต่อต้านการอุดหนุนของฝ่ายยุโรป สำหรับเนื้อหมูยุโรปซึ่งส่งออกมายังจีน
นอกจากนั้น หลี่ยังกล่าวในที่ประชุมซัมเมอร์ดาวอสคราวนี้ว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมใหม่และปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ๆ สนับสนุนและประคับประคองพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่ดีของจีน พร้อมแสดงความมั่นใจว่า จีนสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตที่ 5% ในปีนี้
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)